นี่แหละฉัน

รูปภาพของฉัน
Thailand
"ตัวฉัน คนอย่างตัวฉัน ใครจะมาสนใจ..." อิอิ.. รักเสียงเพลง บรรเลงตัวหนังสือ... ชอบอ่าน ชอบเขียน......
"หนังสือ" คือเพื่อนที่ปรารถนาดีที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ... เพราะในชีวิตยังมีเพื่อนดี ๆ ให้เจออีกเยอะ

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ 3 ฟูลฟีลเชี่ยน



 

         “นีย์คะ  ทำไมแม่ต้องไปอยู่ที่โลกโน้นล่ะคะ”   เสียงซายน์ถามขึ้น  ขณะเริ่มออกเดินทางกันต่อไป

           “เรื่องมันยาวน่ะ  เราคุยกันไปเรื่อย ๆ ดีกว่า”  เสียงนุ่มทุ้มของนีย์ตอบ  ขณะที่กำลังกางปีกลอยตัวอยู่ข้าง ๆ
เด็ก ๆ ทั้งสามคน “อันดับแรกเรามาทำข้อตกลงกันก่อนดีกว่า  ว่าทุกขณะที่เราเดินทางอยู่ในทางสายหมอกนี้
ขอให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งของนีย์ด้วย”

             “ได้ค่ะ”  “ตกลงครับ”  “ครับ”   ทั้งสามเสียงประสานออกมาพร้อม ๆ กัน

             “แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออกหรอกนะ ว่าจะสั่งอะไรบ้าง  ฮ่า…  ฮ่า…เอาเป็นว่ารอดูสถานการณ์เป็นเรื่อง ๆ ไป
ดีกว่านะ”  เสียงนีย์หัวเราะอย่างสนุกสนาน

             “อ้าว!  นึกว่ามีอะไรสำคัญ ๆ จะสั่งเราซะอีก”  แซนด์อุทาน  พร้อมกันร่วมหัวเราะไปพร้อม ๆ กับเจย์ และนีย์   
“เป็นอะไร ซายน์  เงียบเชียว”  พี่ชายทักขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ได้รู้สึกสนุกไปด้วยเลย

             “ซายน์หิวแล้วล่ะ พี่แซนด์  พี่ ๆ ไม่หิวกันเหรอคะ  แล้วนีย์ล่ะคะ  ไม่หิวเหรอ  เราจะกินอะไรกันดีล่ะเนี่ย”

             “อ้อ  เรื่องนี้เอง  สบายมาก  ในทางสายหมอกนี้ยังมีเรื่องให้ทุกคนเรียนรู้อีกเยอะ  อย่างแรกเลย ตั้งแต่เรา
เดินกันมาในทางสายหมอกเนี่ยได้สังเกตอะไรกันบ้างหรือเปล่า”    นีย์ถามขึ้น

             “เอ่อ…  ผมรู้สึกว่าเราไม่ค่อยเหนื่อยครับ ทั้ง ๆ ที่เราก็เดินกันมาสักพักแล้ว”  เจย์ตอบ

             “นั่นก็ถูกต้อง  เพราะในทางสายหมอก  ถือเป็นทางพิเศษ  หมอกเหล่านี้จะช่วยพยุงเรา ทำให้เราไม่เหนื่อย 
แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ เห็นอะไรบ้าง”

             “ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ  มีแต่หมอกรอบ ๆ ตัว มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย”   ซายน์ตอบพร้อมกันหันไปมองรอบ ๆ ตัว

             “เอ่อ…  ผมตอบอีกได้มั้ยครับ”  เจย์ ถามขึ้นเบา ๆ

             “อ๋อ!  ได้ซิ  ๆ  เอาเลย สงสัยจะหวังคำตอบอะไรจากสองคนนี้ไม่ได้แล้วมั๊ง”    เสียงนีย์ยังคงอารมณ์ดีอยู่

             “ผมสังเกตเห็นว่า   ทุก ๆ ช่วง  ซึ่งผมก็บอกไม่ได้นะครับว่าขนาดของช่วงนั้นเท่าไหร่  แต่ผมรู้สึกว่า  พอครบ
ช่วงนั้น จะมีเงาของต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นนึงเสมอ สลับกันไปซ้าย และ ขวาครับ”

             “ใช่ ๆ  ๆ  ถูกต้อง  เจย์นี่เก่งนะ  ช่างสังเกตจริง ๆ  เยี่ยมมากเลย”   มังกรตัวใหญ่ชมอย่างจริงใจ  “ต้นไม้นั่น
ชื่อว่า  ฟูลฟีลเชี่ยน  เป็นต้นไม้ที่วิเศษทีเดียวเลย  แต่ตอนที่นีย์จากที่นี่ไป มันมีอยู่ไม่มากแล้วนะ  ไม่รู้ว่าตอนนี้
จะเหลืออยู่เท่าไหร่ แต่ในทางสายหมอกเนี่ย  มีต้นฟูลฟีลเชี่ยนมากที่สุดเลย”

             “แล้วเราปลูกมันขึ้นมาใหม่ ทดแทนต้นที่ตายไปไม่ได้เหรอครับ”  เจย์ถามด้วยความสงสัย

             “ไม่ได้หรอก  อย่างที่บอกไง  ฟูลฟีลเชี่ยน เป็นเสมือนต้นไม้วิเศษ มันขึ้นเองโดยที่ไม่มีใครสามารถกำหนด
ได้ว่าจะให้มันขึ้นที่ไหน หรือขึ้นเมื่อไหร่ นีย์เองก็ตอบเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ”

             “เอ่อ…  ขอโทษนะครับ  ไม่ทราบพอจะมีใครบอกได้หรือเปล่าว่าแล้วต้นฟูลฟีลเชี่ยนเนี่ย มันวิเศษยังไง
เหรอครับ”  แซนด์ถามขึ้นด้วยความสงสัยซะเต็มปะดา

             “นั่นซิคะ  ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย  แล้วต้นฟูลฟีลเชี่ยนเนี่ย  มันสำคัญยังไงเหรอ”  ซายน์ก็สงสัยเช่นเดียวกัน

             “อ้อ…  ขอโทษที ๆ   เอาเป็นว่าเดี๋ยวนีย์จะเฉลยให้ เมื่อเจอต้นฟูลฟีลเชี่ยนต้นต่อไปละกัน”

             “นั่นไง อยู่ข้างหน้านั่น  รีบเดินไปให้ถึงเร็ว ๆ เถอะ  อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง”   เจย์รีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเงาของ
ต้นไม้ใหญ่ข้างหน้าอีกครั้ง

              “ได้เลย ๆๆ  วิ่งไปดีกว่า “  แซนด์ ตอบพร้อมกับเริ่มต้นออกวิ่งไปยังเงาต้นไม้ด้านซ้าย



             “เอาล่ะ ๆๆๆ  ถึงแล้ว  ทุก ๆ คนมายืนใต้ต้นไม้นี้นะ”  เสียงนีย์เอ่ยขึ้นเบา ๆ  เมื่อทุกคนมาถึงต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า

              “นี่เหรอ  ต้นฟูลฟีลเชี่ยน”  ซายน์อุทานเบา ๆ  จ้องมองต้นไม้ตรงหน้า มันเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่  มีกิ่งก้าน
สาขามากมายแตกแขนงออกมา แต่ที่ต่างจากต้นไม้ทั่วไปคือตามกิ่งไม้ที่อยู่ต่ำพอที่มือจะเอื้อมถึง มีลูกกลม ๆ
ขนาดเท่ากับลูกเทนนิส ต่างสีกันออกไปติดอยู่  เธอไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าผลของมันได้รึเปล่า  และเพิ่งเห็นมันชัด ๆ
เมื่อมายืนอยู่ใต้ต้นฟูลฟีลเชี่ยนแบบนี้  นี่ถ้ามองอยู่ข้างนอกร่มเงาของมันไม่มีทางสังเกตเห็นได้เลย  แล้วดูที่สี
ของมันสิ  ช่างเป็นต้นไม้ที่ให้ผลแปลกที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย เรียกได้ว่าแทบจะมีทุกสีคละกันอยู่ในต้น
เพียงต้นเดียว

             “เอ่อ…  นี่คือผลของต้นฟูลฟีลเชี่ยนเหรอครับ”  เจย์ถามทั้ง ๆ ที่ตายังจับจ้องลูกสี ๆ เหล่านั้นไม่วางตา

             “ใช่… ใช่แล้วล่ะ  นี่คือผลของต้นฟูลฟีลเชี่ยน  สวยใช่มั้ยล่ะ”  นีย์ตอบ

             “แล้วคราวนี้ นีย์จะบอกได้หรือยังล่ะครับว่า ต้นฟูลฟีลเชี่ยนนี่มันวิเศษยังไง หรือว่านีย์แค่อยากให้เราดูว่า
มันมีผลหลาย ๆ สี ก็แค่นี้เองล่ะครับ”  แซนด์ถาม

             “โอ้…เปล่าหรอก  มันไม่ใช่แค่แปลกที่มันมีผลสีต่าง ๆ แบบนี้  แต่สิ่งที่วิเศษของมันคือ  มันเป็นต้นไม้สุด
ปรารถนาของคนที่ต้องเดินทางเลยล่ะ  … เอาล่ะ  ทุกคนลองเด็ดผลมันมาสิ  เอาเลย  เลือกสีตามใจชอบเลยนะ”

             “นี่…นี่…  เลือกกันคนละสีเลยนะ  ของชั้นจองสีแดงละกัน  สวยดี”   แซนด์รีบตะโกนบอกเจย์และซายน์ 
พร้อมกับรีบวิ่งเข้าไปเด็ดผลฟูลฟีลเชี่ยนสีแดงที่อยู่ตรงหน้า

             ซายน์กับเจย์เดินตามเข้าไปเด็ดผลฟูลฟีลเชี่ยนกันคนละลูก   หญิงสาวมองผลฟูลฟีลเชี่ยนสีเขียวสดในมือ
และคิดว่ามันคงเป็นสีที่ใกล้เคียงผลไม้มากที่สุดในบรรดาสีต่าง ๆ แล้ว  มันหนักไม่มากเท่าไหร่และเมื่อเธอลอง
เขย่าดูก็ไม่มีเสียงอะไรให้ได้ยิน  คิดแล้วก็ยัง งง ๆ  ว่ามันจะมีอะไรวิเศษนักนะ กับผลไม้  ผลแค่นี้

             “เอาล่ะ  ทีนี้ลองดึงที่ขั้วของมันออก  แรง ๆ เลยน่ะ   เอ้า… ซายน์ออกแรงอีกหน่อย”   เสียงนีย์ทำให้ทุก ๆ คน
รีบดึงขั้วของผลฟูลฟีลเชี่ยนเต็มที่   “เห็นน้ำในผลมันหรือเปล่า  คราวนี้ก็ดื่มได้เลย  เอาเลย  … เอาเลย”   นีย์ชักชวน
เมื่อเห็นทุกคนยังนิ่งเฉย

              ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันเหมือนปรึกษาหารือ   ซายน์ทำหน้าแหย ๆ   มองผลฟูลฟีลเชี่ยนในมือ  หลังจากดึงขั้ว
มันหลุดออกมา  ตรงที่เป็นที่ส่วนของขั้วเมื่อครู่ กลายเป็นหลุมขนาดย่อม ๆ มองเห็นน้ำที่อยู่ในผลของมัน  ดื่มมันเหรอ
เธอยังไม่กล้าลองหรอก  ได้แต่มองสลับไปที่ผู้ชายอีกสองคน  ทั้งคู่ก็ดูอึ้ง ๆ อยู่  ไม่กล้าที่จะดื่มน้ำในผลฟูลฟีลเชี่ยน
ในมือเช่นกัน

             “เอาซี่  ดื่มเลย  ทำไมล่ะ  กลัวเหรอ  มันดื่มได้น่า  ไม่เชื่อนีย์หรือไง”   เสียงนีย์ยังชวนอย่างต่อเนื่อง

             “เอ่อ…  ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ  คือ..  เอ้า…  ดื่มก็ดื่ม”  ว่าแล้วแซนด์ก็เป็นคนแรกที่ยกผลฟูลฟีลเชี่ยนสีแดง
ในมือขึ้นดื่ม  หลังจากอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง

             “โห….ยอดเยี่ยมเลย”  เสียงแซนด์อุทานขึ้น

              “เป็นไงบ้างพี่แซนด์  เป็นไงบ้าง  บอกมาเร็ว”  ซายน์รีบถามทันทีที่เห็นพี่ชายดื่มน้ำผลฟูลฟีลเชี่ยนจนหมด

             “อยากรู้ก็ลองดื่มมันดูสิซายน์    เจย์ลองซิ  ลองเลย”  แซนด์ได้ทีรีบชวนทั้งสองคน

             เจย์มองผลฟูลฟีลเชี่ยนสีฟ้าสดใสในมือ  ก่อนที่จะตัดสินใจยกมันขึ้นดื่ม ทันทีที่น้ำในผลฟูลฟีลเชี่ยนสัมผัส
กับลิ้น  เจย์รู้สึกถึงความสุขที่เปี่ยมล้น  ร่างกายของเจย์รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาดเหมือนได้สูดอากาศอันบริสุทธิ์
เข้าไปเต็มปอด

             “สดชื่นจริง ๆ เลยครับ”  เจย์ส่งเสียงอันตื่นเต้นบอกนีย์

             “เป็นไงบ้าง เจย์”  แซนด์รีบถาม

             “ก็รู้สึกสดชื่นมาก  ร่างกายกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้อยู่ในสถานที่  ที่มีบรรยากาศบริสุทธิ์อย่างบอกไม่ถูกเลย 
นายล่ะ เหมือนกันใช่มั้ย”   เจย์ตอบด้วยเสียงสดใส

              “ก็ไม่เชิงน่ะ ของชั้นน่ะ รู้สึกเหมือนร่างกายกระชุ่มกระชวย มีพลังวิ่งไปทั่วทั้งร่างอย่างบอกไม่ถูกมากกว่า” 
แซนด์ตอบพลางหันไปมองทางนีย์เหมือนจะขอคำตอบ

              “สาเหตุที่ทำให้รู้สึกต่างกัน  ก็อยู่ที่สีที่ต่างกันไง  สีของผลแต่ละสีให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป   ให้
พลังงานที่ต่าง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทำให้ไม่รู้สึกต้องการอาหารไปได้อีกหนึ่งวันเต็ม ๆ เลยล่ะ  นีย์ถึงได้บอกไงว่า
มันเป็นผลไม้สุดปรารถนาของคนเดินทาง มันช่วยได้มากเลยทีเดียว  ใช่มั้ยล่ะ”

              “เอ้า…ซายน์ ลองสิ  อยากรู้เหมือนกันน่ะว่า  ของซายน์จะเป็นยังไง”   แซนด์รีบบอกเมื่อหันไปมองผลสีเขียว
ที่อยู่ในมือของน้องสาว  แล้วยังเห็นว่าเจ้าตัวยังคงถือผลฟูลฟีลเชี่ยนอยู่ในมืออย่างนั้น ไม่มีท่าทางว่าจะลองชิม

             “ไม่เป็นไรแน่นะ”  ซายน์ยังคงกังวล  แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนทั้งสองตรงหน้า  และเมื่อหันไปมองนีย์  เธอก็
ยกผลฟูลฟีลเชี่ยนในมือขึ้นดื่ม

              “โอ๊ย……..”    ซายน์อุทาน แล้วโยนผลฟูลฟีลเชี่ยนในมือทิ้ง   ก่อนจะเอามือกุมคอไว้  “มันขม แล้วก็ร้อน
ไปหมดทั้งคอเลย”

             “เป็นไปไม่ได้  ผลฟูลฟีลเชี่ยน  ไม่เคยเป็นพิษกับใครนี่นา”  นีย์อุทานอย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

             “ซายน์ เป็นไงบ้าง ๆ”   แซนด์รีบวิ่งเข้ามาที่น้องสาว  ที่ยังคงมีสีหน้าเจ็บปวดตรงหน้า

             “พี่คะ  ช่วยด้วยค่ะ มันร้อนไปทั้งตัวเลย”  เสียงซายน์ร้องอย่างเจ็บปวด

             “ทำไงดีล่ะ นีย์”  เจย์รีบถาม

             “เดี๋ยว  ๆ  กำลังนึกอยู่  ทำไม ๆ  ๆ”    นีย์ได้แต่ท่องประโยคนี้ซ้ำ ๆ  ไปมาขณะที่บินวนรอบต้นฟูลฟีลเชี่ยน

             “ทำอะไรสักอย่างซินีย์  ซายน์จะแย่แล้วนะ”  เจย์ตะโกน เมื่อหันไปมองหญิงสาวที่นอนใช้มือกุมคอ  หน้าแดง
อยู่ในอ้อมกอดของแซนด์

            “สีขาว ๆ ๆ  ผลฟูลฟีลเชี่ยนสีขาว  ใช่แล้ว  ผลสีขาว  เจย์   ผลสีขาว มีหรือเปล่า”  นีย์รีบตะโกนบอกเจย์ เมื่อ
นึกขึ้นมาได้

           “สีขาวเหรอ ไม่มี ไม่มีเลย”  เจย์รีบมองหาผลฟูลฟีลเชี่ยนสีขาว เมื่อเห็นว่าไม่มีอยู่บ้นต้นเลย จึงรีบตะโกนบอกนีย์

            “ต้องไปหาที่ต้นอื่น  เจย์ขึ้นมาบนหลังนีย์ .. เร็ว  เราต้องไปหาผลฟูลฟีลเชี่ยนสีขาวกัน”   นีย์โฉบลงมาใกล้กับ
ที่เจย์ยืนอยู  เด็กหนุ่มรีบปีนขึ้นไปนั่งบนหลังมังกรสีดำ  จากนั้นทั้งนีย์และเจย์ก็ลับหายไปจากสายตาของแซนด์

                                                                                  **********************

            “นีย์ไม่รู้  ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน”  มังกรพูดได้ ปฏิเสธไปมา เมื่อเจอคำถามคาดคั้นจากแซนด์และเจย์

              “ไม่รู้ได้ยังไงล่ะนีย์  ถ้านีย์ไม่รู้  แล้วใครจะรู้ล่ะ  ซายน์จะเป็นอะไรรึเปล่า  หลับไปตั้งนานแล้วนะ”  แซนด์ถาม
อย่างหงุดหงิด

             “นีย์ไม่รู้จริง ๆ  ตามปกติแล้วผลฟูลฟีลเชี่ยนไม่เคยเป็นพิษกับใคร   ทุกผลสามารถดื่มได้หมด  แต่กับซายน์
นีย์ก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันนะ  นีย์ก็เป็นห่วงซายน์ไม่น้อยไปกว่าทุกคนหรอก”  มังกรสีดำตอบ และหากใครจะมองออก
สีหน้าของมันตอนนี้ก็แสดงความวิตกไม่เบา

             “แล้วผลสีขาวนี่จะช่วยได้แน่เหรอครับ”  เจย์ถามขึ้น

              “อืม…  ตามปกติ ผลสีขาว เป็นผลที่หายากที่สุด  เพราะผลสีขาวเป็นผลของความบริสุทธิ์  ช่วยรักษาโรค
ทุกชนิด”    นีย์ตอบทั้ง ๆ ที่ยังคงครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวเพียงคนเดียวต้องเป็นแบบนี้

            “สีเขียว  ผลสีเขียว”  แซนด์ลุกขึ้น เดินเข้าไปใต้ต้นฟูลฟีลเชี่ยนมองหาผลสีเขียวชนิดเดียวกับที่ซายน์ดื่ม
อีกครั้ง  เมื่อเจอแล้วก็เด็ดมาถือไว้เดินกลับมานั่งที่เดิม

             “นายจะทำอะไรน่ะ  แซนด์”  เจย์ถาม

             “ชั้นจะลองดูไง  ว่ามันเป็นยังไง”  แซนด์เงยหน้าขึ้นตอบ

            “อะไรนะ  นายจะบ้าเหรอ  แค่ซายน์คนเดียวก็แย่พออยู่แล้ว  นายจะทำให้สถานการณ์มันยิ่งแย่ลงไปอีกนะ” 
เจย์ทัก

             แต่แซนด์ไม่ฟังเสียงเตือน  ดึงขั้วผลฟูลฟีลเชี่ยนสีเขียวในมือออก แล้วยกผลฟูลฟีลเชี่ยนขึ้นดื่มทันที  
“อืม….”

            “เป็นไงบ้างแซนด์  เป็นอะไรรึเปล่า  ชั้นเตือนนายแล้วนะ”   เจย์รีบจับตัวแซนด์ไว้ และรีบถามขึ้นทันทีด้วย
สีหน้าเป็นกังวล

             “ไม่เป็นอะไรเลย  ก็รู้สึกเหมือนอยู่กลางบรรยากาศทุ่งหญ้าเขียวขจี  สบายจัง…”  เสียงแซนด์เหมือนตกอยู่
ในภวังค์

             “ทำไมแซนด์ไม่เป็นอะไรเลยล่ะครับ”  เจย์หันไปถามนีย์

            “นั่นสิ  ทำไม  นีย์ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน  งง ๆ ไปหมดแล้วเนี่ย”

           “แม่…. แม่คะ…”

             “ซายน์”  เสียงแซนด์กับเจย์ดังขึ้นพร้อมกัน  ทั้งคู่เลิกสนใจเรื่องที่คุยกันอยู่เมื่อครู่ต่างก็รีบตรงเข้าไปหา
หญิงสาว ที่นอนอยู่ไม่ไกล  นีย์ก้มลงมองซายน์ที่นอนอยู่ตรงหน้า

             “เป็นไงบ้างซายน์”   เสียงนีย์ถามด้วยความเป็นห่วง

             “แม่คะ  ….   แม่ ….”    เสียงซายน์เหมือนคนละเมอ  นอนลืมตาอยู่ในท่าเดิม

             “แม่เหรอ  ซายน์  …ซายน์  ได้ยินพี่มั้ย”    แซนด์เขย่าตัวน้องสาวให้รู้สึกตัว

             “ซายน์อยากอยู่กับแม่  ฮือ…  ฮือ…แม่คะ  แม่อย่าเพิ่งไป แม่อย่าทิ้งพวกเราไปค่ะ  แม่คะ…”    หญิงสาวเอาแต่
พูดพลางร้องพลาง โดยไม่สนใจคนรอบตัวเลย

             “ซายน์  เงียบสิ  ซายน์  ได้ยินพี่มั้ย  หยุดนะ  มองพี่สิ”   พี่ชายจับตัวน้องสาวเขย่าไปมา

            “เฮ้ย! เบา ๆ ซิ แซนด์  นายจะทำให้ซายน์เจ็บนะ”    เจย์เตือน

             “พี่คะ  พี่ …”   ซายน์ โผเข้ากอดแซนด์แน่น  “แม่มาหาเราค่ะ แม่เรียกซายน์  บอกให้ซายน์ตื่นได้แล้ว  แม่บอก
ทุกคนกำลังเป็นห่วง ซายน์อยากอยู่กับแม่  ซายน์ไม่อยากตื่นเลย”   เสียงซายน์ยังเจือด้วยเสียงสะอื้น

            “ไม่ได้นะซายน์ แค่ฝันไปเท่านั้น  แม่ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว  ซายน์ต้องตั้งสติให้ดีซิ”

             “แม่มาหาพวกเราจริง ๆ นะคะ พี่ไม่เชื่อเหรอ”    เสียงของหญิงสาวเริ่มดังขึ้นด้วยความโกรธ

             “คือ …  ไม่ใช่ ….  ไม่ใช่ไม่เชื่อ  แต่…  แต่…”  แซนด์อึกอัก ไม่กล้าตอบกลัวน้องเสียใจ มองเจย์และนีย์สลับ
กันไปมา เหมือนขอความช่วยเหลือ

             “เอาละ  ๆ  อย่าเถียงกันเลย  ซายน์เป็นไงบ้างล่ะ”  นีย์ตัดบท

             “เรารีบเดินทางกันต่อดีกว่าค่ะ  แม่ไม่อยากให้เราอยู่ที่นี่นานเกินไป”

             “ อะไรนะ”   แซนด์  เจย์  และนีย์  ถามขึ้นพร้อม ๆ กัน

             “ก็ แม่บอกซายน์ว่า ให้เรารีบไปจากที่นี่โดยเร็ว  พวกเราอยู่ที่นี่นาน ๆ   ไม่ได้ มันอันตราย”  ซายน์ตอบพร้อม
มองหน้าทั้งสามที่กำลังทำหน้างง ๆ  จ้องมองดูเธอที่กลับมาเป็นปกติ  เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “แม่อีกแล้วเหรอ”  แซนด์กระซิบกับเจย์เบา ๆ

            “ไปค่ะ เราไปกันได้แล้ว อีกไม่ไกลแล้วไม่ใช่เหรอคะนีย์”  ซายน์ลุกขึ้นปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่ตามตัว พร้อมกับ
เดินไปเด็ดผลฟูลฟีลเชี่ยนสีม่วงอ่อนคล้าย  ๆ  กับสีผมของตนเองมาถือไว้

             “จะทำอะไรน่ะซายน์”  แซนด์รีบตะโกนถามเมื่อเห็นน้องสาวเด็ดขั้วผลฟูลฟีลเชี่ยนในมือทิ้งและทำท่าจะดื่ม
น้ำจากผลของมัน  “ยังไม่เข็ดอีกเหรอ อย่าดื่มนะ”

            “ไม่เป็นไรหรอก  แม่บอกว่าซายน์ดื่มได้  แต่ต้องเป็นสีนี้เท่านั้น”   พูดจบซายน์ดื่มน้ำจากผลฟูลฟีลเชี่ยน
ในมือทันที  โดยที่แซนด์  เจย์และนีย์ได้แต่ยืนนิ่ง  ทั้ง ๆ ที่อยากจะห้าม แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ทำได้
แค่มองค้างไปที่หญิงสาวตรงหน้า

            “เป็นไรรึเปล่า ซายน์”  เจย์ถามด้วยสีหน้าแหย ๆ

           “เฮ้ย!……”  เสียงแซนด์และเจย์ตะโกนออกมาพร้อม ๆ กัน เมื่อเห็นว่าร่างของซายน์มีแสงสีม่วงอ่อน ๆ ส่อง
ประกายออกมาเพียงแว้บเดียวแล้วก็หายไป

             “อืม  รู้สึกมีพลังวิ่งอยู่ทั่วร่างเลย ตัวเบาหวิว  อืม.. แล้วก็รู้สึกแข็งแรงขึ้นเยอะเลย”  ซายน์ตอบหลังจากหลับตา
อยู่ครู่หนึ่ง  “เนี่ยตอนนี้นะ  ซายน์ว่า  ซายน์สามารถยกพี่สองคนได้สบาย ๆ เลยนะเนี่ย”    หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ

             “ซายน์.....ซายน์ .... ที่มือน่ะ....  ที่มือ”   เสียงแซนด์ละล่ำละลัก

             “ทำไมเหรอ”   ซายน์ถาม  และเมื่อก้มมองดูที่หลังมือข้างซ้ายของตัวเองก็พบว่าขณะนี้มันมีรูปแมลงปอ
เหมือนกับจี้ของแม่ปรากฏอยู่   “เอ๊ะ..  ทำไมล่ะ  ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ  นีย์...  นีย์คะ...”

             “อืม...  มันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง  เอ่อ... ขอเวลาให้นีย์แน่ใจกว่านี้ก่อนนะ  แล้วนีย์จะบอกให้รู้ 
มันอาจ... อาจจะผิดพลาดอะไรนิดหน่อย..คือ..คือ.. ไม่มีอะไรหรอกนะ”  นีย์ตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล  “ตอนนี้ซายน์
เป็นยังไงบ้างล่ะ  เจ็บหรือปวดตรงไหนหรือเปล่า”  นีย์ยังคงถามต่อ    "เอ่อ... ไม่ต้องกังวลกับมันหรอกนะ"

             “ไม่ค่ะ  ไม่เป็นอะไรเลยซายน์ชอบค่ะ สวยดี แล้วอีกอย่างรูปมันเหมือนกับจี้ที่แม่ให้ไว้เลยค่ะ บางทีแม่อาจ
อยากจะบอกอะไรซายน์ก็ได้มั๊งคะ”

            “ถ้าเช่นนั้น เราเดินทางกันต่อเหอะ”    นีย์เร่งให้เดินทางด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเคร่งเครียด

             แซนด์ได้แต่เดินตามซายน์ที่ออกเดินนำหน้าไปอย่าง งงๆ   เจย์รีบเดินตาม ปิดท้ายด้วยนีย์ที่กางปีกบินตามไป

                                                                                         *************************

1 ความคิดเห็น:

  1. ที่มาของชื่อต่าง ๆ

    - นีย์ = มังกรที่น่ารัก โดยส่วนตัวไม่มีที่มาของชื่อแต่ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณ Anithin ว่า คำว่า นีย์ น่าจะนำไปผูกได้กับ Nye ซึ่งเป็นชื่อของชาวเวลส์ ย่อจากชื่อ Aneirin ที่แปลว่าสูงส่ง(noble)

    - ฟูลฟีลเชี่ยน (fulfillcious) = ต้นไม้วิเศษในทางสายหมอก มาจากคำว่า fulfill ที่แปลว่า สมปรารถนา และ delicious ที่แปลว่าอร่อย

    ตอบลบ