นี่แหละฉัน

รูปภาพของฉัน
Thailand
"ตัวฉัน คนอย่างตัวฉัน ใครจะมาสนใจ..." อิอิ.. รักเสียงเพลง บรรเลงตัวหนังสือ... ชอบอ่าน ชอบเขียน......
"หนังสือ" คือเพื่อนที่ปรารถนาดีที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ... เพราะในชีวิตยังมีเพื่อนดี ๆ ให้เจออีกเยอะ

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ 5 ผู้พิทักษ์



 

          “ ไม่............!.......................! ”     ซายน์ตะโกนพร้อมกับหลับตาด้วยไม่อยากเห็นภาพตรงหน้า

          “เฮ้ย! …..  เป็นไปได้ไง  หรือว่า …. ราฟา”   ด้วยน้ำเสียง งง ๆ  ของชายที่จับตัวไว้ ทำให้ซายน์
ต้องลืมตาขึ้นมามอง  แล้วแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  ตรงที่ ที่นีย์  แซนด์ และเจย์  ยืนอยู่เหมือน
มีละอองน้ำสีฟ้าใสขนาดใหญ่ครอบเอาไว้

          “ไม่น่าเชื่อว่าแกจะกล้าทำร้ายคนไม่มีทางสู้อย่างนี้นะ   โลนอฟ”

          “แก ..  ไอ้ราฟา”

          ซายน์เพิ่งจะรู้ว่าเจ้าคนที่จับตัวเองไว้ชื่อว่า โลนอฟ ส่วนชายผู้มาใหม่ ยืนอยู่หน้าละอองน้ำ
ขนาดใหญ่นั้น คงจะชื่อราฟา ตามที่โลนอฟเรียก  ราฟาเป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงเพรียว  หน้าตาดี
ผมสีฟ้าจาง ๆ ยาวจนถึงกึ่งกลางหลัง  ถูกรวบไว้อย่างหลวม ๆ  ทำให้มีปอยผมลงมาปรกหน้าบางส่วน
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มรับกับชุดสีน้ำเงินเข้มที่สวมใส่อยู่

          “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก  ถอยไป  ราฟา”

          “แต่ข้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าโดยตรงเลยล่ะ  โลนอฟ”

          “ครูเอล   ไซเทรน  ยืนรออะไรล่ะ  จัดการมันซะสิ”   โลนอฟ ตะโกนด้วยความกราดเกรี้ยว

           ครูเอล  กับไซเทรนที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีใครเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ด้วย
แถมผู้มาใหม่ยังเป็นถึงคนที่พวกมันรู้ตัวว่าไม่สามารถต่อกรได้  พวกมันทำได้แต่ต่างหันมามองหน้ากัน
และกัน  และในที่สุดไซเทรนเป็นคนแรกที่หันกลับมามองที่ราฟา และเริ่มก้าวเท้าเข้าหา  ซายน์ได้แต่
มองด้วยใจระทึก  เอาใจช่วยเขา โดยไม่ทันสังเกตว่าขณะนี้ละอองน้ำขนาดใหญ่ได้หายไปแล้ว  นีย์จึง
กางปีกป้องกันแซนด์และเจย์ไว้อย่างเต็มที่ เพราะไม่มั่นใจในเหตุการณ์เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้
สักเท่าไหร่ เมื่อทั้งสองคนต่างชะโงกหน้าเพื่อดูเหตุการณ์จากปลายปีกทั้งสองด้าน

          ไซเทรนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว จนนึกไม่ถึงว่าชายร่างอ้วนใหญ่ขนาดนั้นจะทำได้ พริบตาเดียว
เขาก็เข้าถึงตัวราฟาที่ยืนนึ่งไม่กระดุกกระดิก

          ~~ทำอะไรสักอย่างสิ  หรือไม่ก็หลบไป  บ้าจริง เอาแต่ยืนเฉยอยู่ได้~~  ซายน์ได้แต่คิดอยู่ในใจ 
ไซเทรนรีบยื่นมือเข้าจับข้อมือของชายในชุดสีน้ำเงินเข้ม  แต่พริบตานั้น เธอแทบมองไม่เห็นราฟาเลย
ร่างของเขาหายวูบไป  ซายน์ได้แต่ตะลึงอ้าปากค้าง และกวาดตามองไปบริเวณโดยรอบ

          “ข้างหลังแก ไซเทรน  มันอยู่ข้างหลังแก”  เสียง โลนอฟ ตะโกน

          ซายน์รีบมองไปที่ไซเทรนอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นใคร นอกจากชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่คนเดียว
~~ไหนล่ะ  ไม่เห็นเลย~~   แต่เอ๊ะ..  เมื่อเธอเพ่งสายตาไปด้านหลังไซเทรนอีกครั้งจึงเห็นเงาจาง ๆ 
ของราฟาตามที่ โลนอฟ บอกจริง ๆ  ร่างของชายในชุดสีน้ำเงินเข้ม โปร่งแสงเหมือนน้ำที่แสงทะลุ
ผ่านตัวไป  แต่ไซเทรนคงยังมองไม่เห็น  จึงได้แต่หันไปมารอบ ๆ ตัว

          “ไอโง่เอ๊ย…  บ้าจริง  มันอยู่ข้างหลังแกไง ตั้งใจมองมันดี ๆ สิ”  เสียง โลนอฟยังคงแสดงอาการ
กราดเกรี้ยวเหมือนเดิม  “ครูเอล เห็นมันรึเปล่า  เข้าไปช่วยไซเทรน จัดการมันสิ”

          “ข้ามองไม่เห็นมัน  โลนอฟ “  เสียงครูเอลดังขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากจ้องมองไปที่ไซเทรน
อยู่พักหนึ่ง

          เสียงของครูเอลแหบห้าว  ไม่สมกับตัวที่มีรูปร่างเล็กนั้นเลย  จังหวะนั้นเองซายน์เห็นราฟาเตะเข้า
กลางลำตัวของไซเทรน  ทำให้ชายร่างใหญ่ลงไปนอนกองกับพื้น  และเธอก็รับรู้ได้ถึงความหงุดหงิด
ของโลนอฟ  ที่ยังจับข้อมือตัวเองอยู่

          “ไอ้บ้าเอ๊ย…ไม่ได้เรื่องเลย  ครูเอลมานี่”  หลังจากสิ้นเสียงของโลนอฟ คนที่ถูกเรียกก็มายืนอยู่
ข้างหน้าซายน์

          ~~เฮ้อ! … ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงได้ว่องไวกันนักน่ะ  มองตามแทบไม่ทันเลย โลนอฟเรียกมันมา
คงให้มาจับตัวเราไว้แทน  มันคงจะไปสู้กับราฟาด้วยตัวเองแน่เลย  แย่แล้ว ราฟาจะสู้กับมันได้มั๊ยนะ
เจ้านี่คงจะเก่งน่าดูเหมือนกัน~~

          “จัดการนังนี่สิ”  เสียงโลนอฟสั่ง  “รอให้พวกแกจัดการกับเจ้าราฟา คงได้ตายกันหมดพอดี”

          ~~จัดการเหรอ  จัดการอะไร  เจ้าบ้าโลนอฟมันสั่งให้เจ้าครูเอล ทำอะไรกับเรานะ~~   ซายน์ได้แต่
คิดและจ้องไปยังร่างครูเอลที่อยู่ตรงหน้าตาไม่กระพริบ  เธอเห็นครูเอลยื่นมือข้างซ้ายขึ้นมาระดับเอว 
กางนิ้วทั้งห้าออก ปากพึมพำอะไรสองสามคำ ที่เธอจับใจความไม่ได้  แต่พริบตานั้นมีแสงแว้บออกมา
จากฝ่ามือของเขา  พุ่งเข้าใส่ร่างของเธอที่กำลังจะอ้าปากร้องด้วยความตกใจแต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองตัวแข็งเป็นหุ่นไม่สามารถกระดุกกระดิก ไม่สามารถแม้จะอ้าปากหรือพูดอะไร
ออกไปได้  อันที่จริงตอนนี้คงทำได้แต่ยืนนิ่งมองไปข้างหน้าและกลอกลูกตาไปมาเท่านั้น

         “แกไปจัดการพวกมันที่เหลือ ไอ้เด็กบ้าอีกสองคนนั่น รวมถึงเจ้ามังกรสกปรกนั้นด้วย ข้าจะไป
จัดการไอ้ราฟาเอง  พวกแกคงรับมือมันไม่ได้หรอก”

          เมื่อซายน์กวาดสายตาไปยังไซเทรนกับราฟา  ซึ่งตอนนี้ร่างของชายในชุดสีน้ำเงินเข้มกลับมา
มองเห็นได้ชัดอีกครั้ง และก็เห็นว่าราฟาจัดการกับเจ้าไซเทรนซะนอนนิ่งจนลุกไม่ขึ้น เธอรู้สึกเป็นห่วง
ไปหมด  ไม่ว่าจะเป็นทางพวกของพี่ ๆ ที่ตอนนี้ครูเอลกำลังยืนประจันหน้ากับนีย์ซึ่งกางปีกป้องกันแซนด์กั
บเจย์ไว้ข้างหลัง  และยังต้องเป็นห่วงราฟาอีก  เขาจะสู้กับโลนอฟได้รึเปล่าก็ไม่รู้  ความหวังอย่างเดียว
ของเธอคือ ขอให้ราฟาเป็นผู้ชนะ เพื่อช่วยพวกเราทั้งหมด

          ครูเอลก้าวเท้าเข้าหานีย์ พร้อมกับยกมือขึ้นระดับเอวอีกครั้ง  พร้อม ๆ กับกางมือออกและปากเริ่ม
ขมุบขมิบ  ซายน์อยากจะตะโกนให้นีย์ระวังตัวจากมนต์สะกดนี่เหลือเกิน แต่ทำไม่ได้  สิ้นแสงที่แว้บ
ออกมาจากมือของชายตัวเล็ก  นีย์ก็พ่นไฟสวนออกมา ครูเอลกลิ้งตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด

          “มนต์กระจอกของแก ไม่ระคายผิวข้าหรอก”  สิ้นเสียงนีย์   ลูกไฟลูกต่อ ๆ มาก็ทยอยเข้าเล่นงาน
ครูเอลเรื่อย ๆ  ซึ่งเขาทำได้เพียงใช้ความรวดเร็วให้เป็นประโยชน์ในการหลบเท่านั้น  ครั้งหนึ่งที่ชาย
ตัวเล็กตั้งหลักได้ จึงร่ายมนต์ที่ทำให้เกิดระเบิดขนาดย่อมๆ ตรงหน้านีย์ แต่มันแทบไม่ได้
กระทบกระเทือนอะไรต่อเจ้ามังกรสีดำเลย   แซนด์กับเจย์ฉวยโอกาสที่ทั้งสองสู้กันโดยไม่สนใจ
คนรอบข้างนี้ วิ่งมาหาซายน์

         “ซายน์ ...  ซายน์เป็นอะไรรึเปล่า  ได้ยินมั๊ย..  ซายน์  เฮ้ย!..   ทำไมยืนนิ่งเป็นหุ่นอย่างนี้ล่ะ” 
เสียงแซนด์โหวกเหวก

          “แซนด์...  พอเหอะ  ซายน์คงโดนมนต์สะกดของเจ้านั่นเข้าแล้วล่ะ”  เสียงเจย์เตือนสติ “แต่ซายน์
คงได้ยินเราพูดกันนะ ใช่มั้ยซายน์ถ้าได้ยินกระพริบตาให้รู้หน่อยนะ”

          “โอเค...  เห็นมั๊ย  ซายน์ยังได้ยินเราอยู่”    เจย์พูดต่อเมื่อเห็นหญิงสาวกระพริบตาตามที่บอก 
“เราจะทำยังไงต่อไปดี”  เจย์พูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเองมากกว่า

          ~~คงทำได้แค่เพียงรอดูสถานการณ์ต่อไปเท่านั้นเอง พวกเราคงไม่สามารถทำอะไรได้เลย  เราจะ
เอาอะไรไปสู้กับพวกนั้นได้  แย่จริง ๆ~~   ซายน์อยากจะตอบออกไปอย่างนี้แต่ก็ทำไม่ได้  ขณะนี้ทั้ง
ราฟาและโลนอฟต่อสู้กันด้วยมือเปล่า  ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับ ยังไม่มีใครเสียทีเพลี่ยงพล้ำให้แก่กัน
แต่ถ้าเธอไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ราฟาดูจะมีฝีมือเหนือกว่าโลนอฟ เพราะดูเหมือนเขายังมีท่าทีสบาย ๆ
ผิดกับโลนอฟที่ตอนนี้ดูมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า

          “เย้!~  ดีมากเลยนีย์ “  แซนด์ตะโกนเชียร์เสียงดัง เมื่อเห็นว่าขณะนี้ลูกไฟลูกหนึ่งที่นีย์พ่นใส่ครูเอล
มันตรงเป้าจนทำให้ไฟเริ่มติดลุกไหม้ตามเสื้อผ้าของคู่ต่อสู้

          “เฮ้ย!~”    แซนด์ดีใจได้เพียงครู่เดียวเมื่อเห็นว่า  ครูเอลหลับตาท่องมนต์อะไรสองสามคำ  ไฟที่
กำลังเริ่มลุกไหม้ก็ดับลงอย่างง่ายดาย

          “เจ้าต้องเป็นคนของเมืองเฮเวนน่าแน่ ๆ  และเจ้าก็คงเป็นหนึ่งในพวกทรยศเมื่อสิบหกปีที่แล้วละสิ”
นีย์พูดกับครูเอลที่ขณะนี้ยังคงมีแต่ความเฉยเมยบนใบหน้า

          “มีแต่คนของเฮเวนน่าเท่านั้น ที่สามารถใช้มนต์ต่าง ๆ ได้”  เจ้ามังกรสีดำยังคงพูดต่อไป 
“และเพราะเจ้าออกจากดินแดนเฮเวนน่ามานานเกินไป  มนต์ของเจ้าจึงเสื่อมลงทำได้แต่เพียงแค่มนต์
พื้น ๆ แบบนี้ซินะ”  เพียงชั่วแวบเดียวที่ซายน์เห็นแววตาแสดงความเจ็บปวดของครูเอล  และแล้วสีหน้า
และแววตาก็กลับมาเป็นครูเอลผู้เฉยเมยอีกครั้ง

          “ข้าว่าเราอย่ามาต่อสู้กันอีกเลย  ข้าไม่อยากสู้กับพวกเดียวกัน”

          “ข้าไม่ใช่พวกเดียวกับเจ้า”   เสียงแหบห้าวของครูเอลเอ่ยขึ้น หลังจากเงียบมานาน  “ข้า…  ข้าเป็น
คนของแลนด์เดียร์ว่า เป็นคนของท่านร็องดอร์ผู้ยิ่งใหญ่”

         “มันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน  เจ้าน่าจะรู้ตัวได้แล้ว ยังไงๆ  ร็องดอร์ ก็ไม่มีทางครอบครองพาร์ตรีไดส์
ทั้งหมดได้หรอก”  นีย์ยืนยันอีกครั้ง

         “อย่าไปฟังมันครูเอล”    โลนอฟหยุดชะงักการต่อสู้กับราฟา  แล้วเคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วมายืน
ข้างครูเอล

         “ท่านร็องดอร์ คือผู้ยิ่งใหญ่   คือราชาแห่งพาร์ตรีไดส์”

         “แต่ข้าว่ามังกรตัวนั้นพูดถูกนะโลนอฟ สิบหกปีที่ผ่านมาไม่ทำให้เจ้าเห็นหรือว่าร็องดอร์ทำอะไร
กับพาร์ตรีไดส์ไม่ได้” ราฟาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

         “พวกแกรอให้ท่านร็องดอร์หาผลึกแก้วทั้งหก ให้ครบก่อนเถอะ  เจ้าจะได้รู้ว่าท่านร็องดอร์ยิ่งใหญ่
เพียงใด”

         “เมื่อไหร่ล่ะโลนอฟ  ข้อจะรอดู  แต่ข้าว่าตราบใดที่ร็องดอร์ยังมีแต่ลูกน้องแบบพวกเจ้า คงจะยาก
หน่อยนะ”  ราฟาจงใจพูดเยาะเย้ย  และก็ได้ผลเสียด้วยเมื่อโลนอฟแสดงอาการโกรธจัด  จนแทบพูดไม่ออก
  
         “ แก… แกอย่าทะนงตัวไม่หน่อยเลย  ถึงแกจะเป็น 1 ใน  4  จตุรเทพข้าก็ไม่เคยกลัวแกสักนิดเดียว”

          “งั้นเหรอ  โลนอฟ”  ราฟายังคงพูดอย่างใจเย็น  “แต่เท่าที่ข้าจำได้เราเผชิญหน้ากันทีไร เจ้ามักจะ
เลี่ยงไม่เคยได้ประลองฝีมือกันอย่างจริงจังกับข้าเลยสักครั้งนี่นา  จริงมั๊ย”  พูดจบหน้านิ่งของราฟา ก็เผย
ให้เห็นรอยยิ้มเป็นครั้งแรก ซายน์ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าหน้าสวยที่ตามปกติก็ดูดีอยู่แล้ว
เมื่อมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นกลับยิ่งทำให้ดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้นไปอีก จนไม่อยากจะละสายตาไปจากวงหน้า
งดงามนั่นเลย

         ~~บ้าจริง….  นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งชื่นชมเค้านะ  ไม่ได้เรื่องเลยเรานี่ หน้าสิ่วหน้าขวานแท้ ๆ   
โห!!!!~~     ซายน์ได้แต่อุทานในใจเมื่อเห็นว่าขณะนี้โลนอฟโกรธจัด  เอื้อมมือจับด้ามดาบที่หลังศีรษะ
แล้วดึงดาบขึ้นมา ชี้ปลายดาบดมไปยังชายยิ้มสวยในชุดสีน้ำเงินเข้ม  ดาบมีขนาดใหญ่อย่างที่คิด
ไว้จริง ๆ ด้วย  ~~แล้วนายนั่นจะสู้เค้าได้มั๊ยนะ  ฉันเอาใจช่วยอยู่  สู้เค้าล่ะ~~

         “วันนี้แหละ  ที่ข้าจะทำให้แกเห็นว่าข้าก็มีดีเหมือนกัน”  โลนอฟประกาศก้อง พร้อมกับใช้สองมือ
จับดาบ  ฟาดดาบแหวกอากาศลงกับพื้นดิน ก่อให้เกิดแสงสว่างเป็นทางยาวจากปลายดาบพุ่งเข้าใส่ราฟา
และเกือบจะพร้อมเพียงกันราฟารีบยกมือข้างซ้ายขึ้น  กางมือออก  ทำให้เกิดที่กำบังเป็นเหมือนโล่น้ำวน
ขนาดใหญ่ป้องกันไว้   ต่างฝ่ายต่างต้านพลังกันและกันอย่างเต็มที่  แต่ขณะที่โล่น้ำวนเริ่มหมุนรุนแรงขึ้น
จนทำให้แสงจากดาบเริ่มถอยจางลง  ครูเอลรีบเข้ามายืนข้างโลนอฟ  หลับตาท่องมนต์พร้อมกับเอื้อมมือ
เข้าจับที่ดาบ  แสงจากดาบก็พลันสว่างจ้าและพุ่งเข้าใส่ราฟารุนแรงขึ้นจนทำให้ราฟาเซถอยหลังไปสอง
สามก้าว     แต่โล่น้ำวนของราฟาก็ไม่มีท่าทีว่าจะลดความรุนแรงลง

          นีย์เห็นว่าราฟากำลังจะเสียเปรียบจึงตัดสินใจพ่นไฟใส่ครูเอลและโลนอฟ ทั้งคู่โดนลูกไฟของนีย์
เข้าเต็ม ๆ จนกระเด็นไป  ไฟเริ่มลุกไหม้ไปตามเสื้อผ้า และอีกครั้งที่ครูเอลใช้มนต์ดับไฟได้  แต่คราวนี้
ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสพอสมควร เนื่องจากไม่ทันระวังตัวและใช้พลังเกือบทั้งหมดในการต่อสู้อยู่กับ
ราฟา  โลนอฟใช้ดาบพยุงตัวเองลุกขึ้น  ตอนนี้สภาพของโลนอฟแทบจะดูไม่ได้ เสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง
มีบาดแผลไฟไหม้ตามเนื้อตัว  เช่นเดียวกับครูเอลแต่โดยสภาพแล้วครูเอลคงจะมีอาการที่หนักกว่า แต่
ยังคงซ่อนความเจ็บปวดไว้ในสีหน้าเรียบเฉยนั้น  ทำให้ซายน์อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าคนชื่อครูเอลเนี่ยจะมี
ความรู้สึกเจ็บปวด ดีใจ หรือเสียใจบ้างหรือเปล่า

          “ข้าจะต้องจัดการเจ้าให้ได้ราฟา.. สักวัน...ราฟา... สักวันหนึ่ง”  โลนอฟพูดฝากไว้ด้วยความแค้น
ก่อนจะ หันหลังก้าวเดินเพียงสองสามก้าว ก่อนจะหายลับไปพร้อมกับครูเอล  โดยทิ้งไซเทรนที่ยัง
นอนเจ็บหนักอยู่ที่เดิม

          “เย้!!   เราชนะแล้ว … เราชนะ…  ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ  รอดตายแล้ว”   แซนด์กระโดดโลนเต้น  ดีใจ  โดยลืม
นึกถึงอาการของน้องสาวตนเอง

          นีย์รีบโฉบเข้ามา    “เป็นยังไงบ้างซายน์”    มังกรตัวใหญ่ถามด้วยความเป็นห่วง

          “ซายน์คงโดนมนต์สะกดครับ  กระดุกกระดิกตัวไม่ได้เลย”   เจย์ตอบแทนหญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่ง
เช่นเดิม

          “ถอยไป”  เมื่อทุกคนขยับตัวห่างออกไป  ราฟาเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าซายน์

          “มนต์สะกดของเจ้าครูเอลเหรอ  อืม…วิธีนี้คงล้างมนต์สะกดนี้ได้”  ซายน์ได้ยินเสียงราฟาพึมพำ
กับตัวเองก่อนที่จะหยิบมีดสั้นยาวประมาณห้านิ้วออกมาจากฝักซึ่งคาดอยู่ที่เข็มขัดเส้นใหญ่ กรีดลงที่
ปลายนิ้วชี้มือขวาของตนเอง  เลือดไหลออกจากบาดแผลตามรอยกรีด   ซายน์ได้แต่จ้องหน้าราฟา
ทำตาโตเมื่อเห็นว่าเขายกมือเอานิ้วชี้ที่เลือดกำลังไหลออกมาจ่อเข้ามาที่ปากตัวเธอ  แล้วจรดปลายนิ้ว
เข้ากับริมฝีปาก  ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของปลายนิ้ว รวมถึงรสชาติปะแล่มๆ ของเลือกที่กำลัง
ซึมผ่านริมฝีปากไหลเข้าถึงลิ้นและกำลังถูกกลืนลงไปตามลำคอ

          “โห!!!~”  เจย์กับแซนด์เปล่งเสียงออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นว่ามีแสงสีม่วงอ่อน ๆ ส่องประกาย
ออกมาจากตัวของหญิงสาว

****************************************

          “ไม่ได้เรื่อง”

          โครม~~~~~~~     สิ้นเสียงอันทรงพลังพร้อม ๆ กับร่างของโลนอฟที่ลอยไปกระแทกกับกำแพง

          “งานง่าย  ๆ  แค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้ แล้วจะให้ข้ามอบหมายงานอื่น ๆ ที่สำคัญกว่านี้ให้เจ้าอีกได้เหรอ 
แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวเจ้ายังไม่มีปัญญาจัดการ  แถมยังมีหน้าพาร่างสะบักสะบอมกลับมาหาข้าอีก”
เจ้าของเสียงอันทรงพลังยังแสดงอาการกราดเกรี้ยว

          “ข้าขอโทษ …  ข้าขอโทษท่านร็องดอร์  อภัยให้ข้าด้วย  โปรดให้โอกาสแก่ข้าด้วย” โลนอฟลุกลี้
ลุกลนกลับมายืนก้มหน้า โค้งตัวต่อหน้าร่างผอมสูงในชุดดำมิดชิด  ที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางความมืด
ตรงหน้า  

          “อันที่จริงเรากำลังจะได้ตัวนังเด็กผู้หญิงนั่นอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเจ้าราฟา มาขวางไว้”  เสียงแหบพร่าของ
ครูเอลรายงาน

          “ธาราเทพ งั้นรึ”  เสียงทรงอำนาจกล่าวขึ้นช้า ๆ  “แสดงว่าเจ้าเฒ่าเอสโทสตั้งใจส่งธาราเทพมา
ช่วยพวกมันไว้งั้นซิ”

          “ข้าเตือนท่านแล้ว ส่งเจ้าพวกนี้ไปทำงานสำคัญ จะเสียหายกลับมา”  เสียงทุ้มต่ำของชายที่ยืนอยู่
ข้างๆ ร็องดอร์เอ่ยขึ้นหลังจากยืนฟังการพูดคุยอยู่พักใหญ่

          “เคลอิ!!”   เสียงโลนอฟดังขึ้น ฟังดูเกือบจะเป็นเสียงตวาด

          “หรือข้าพูดไม่จริง”  ชายคนดังกล่าวเจ้าของนามเคลอิ  ยังคงกล่าวต่อไป “ท่านก็รู้ว่าเด็กผู้หญิงนั่น
สำคัญขนาดไหน แต่ท่านกลับส่งไซเทรนผู้ซึ่งมีพละกำลังแต่ไร้ซึ่งปัญญา ส่งครูเอลผู้มีแต่มนต์ระดับ
กระจอก  รวมถึงโลนอฟผู้…”

           “พอแล้ว”    เสียงทรงอำนาจของร็องดอร์ตวาดขึ้น   “ข้าจะมอบเรื่องนี้ให้  วาเรีย กับเทอเรน
จัดการ หรือเจ้าว่าไง  เคลอิ”    ร็องดอร์หันมาถามเพื่อให้เคลอิยอมรับในการตัดสินใจมากกว่าที่จะขอ
ความเห็น   เคลอิจึงได้แต่ก้มหัวเพื่อแสดงว่าเห็นด้วย

         “หวังว่าเจ้าทั้งสองคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังอีกครั้ง”  พูดจบร็องดอร์ก็หายตัววับไป

          “ถึงขั้นให้สองขุนพลต้องลงมือ หวังว่าทุกอย่างคงเรียบร้อย”  เคลอิกล่าวเรียบๆ กับชายหญิงที่ยืน
อยู่ในมุมมืดด้านข้าง

          “ข้าก็หวังว่าคงทำได้ดีกว่าข้าล่ะกัน”  น้ำเสียงโลนอฟฟังดูเหมือนเป็นการเยาะเย้ย “ไม่เช่นนั้นคง
ต้องส่งผู้เก่งกล้า  อีกหนึ่งในจตุรเทพอย่างท่านเคลอิ ไปจัดการ”

          “ถ้าข้าต้องลงมือ เจ้าอาจเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรตินั้น  โลนอฟ”  เคลอิกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็บเยียบ
ก่อนจะเดินลับหายไป

*********************************

         “เอ่อ..  ขอบคุณที่ช่วยข้า  และ.. และช่วยพวกเราไว้”  ซายน์ก้มหน้าก้มตากล่าวขอบคุณราฟา  รู้สึก
หน้าตัวเองขณะนี้ร้อนวูบวาบจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบสายตาสวยของชายตรงหน้า

          “ข้าชื่อแซนด์  ส่วนนี่น้องสาวข้าเองชื่อซายน์  ส่วนคนนี้เป็นเพื่อนของเราชื่อ เจย์ อ้อ! ใช่  ส่วนนี่ก็
นีย์นะ  เจ้าล่ะ  ถ้าข้าฟังไม่ผิด พวกมันเรียกเจ้าว่าราฟาใช่ม่ะ”   แซนด์แนะนำตัวเองและทุก ๆ คนกับราฟา 
ทั้งๆ  ที่ราฟาไม่ได้สนใจที่จะฟังซายน์และแซนด์เลย กลับหันไปจ้องหน้านีย์อย่างเอาเป็นเอาตาย

          “เอ่อ..  ราฟาเหรอ  …เอ๊… เคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนนะ”  นีย์ได้แต่งึมงำ

          “ข้าเอง  จำข้าไม่ได้เหรอ  เจ้าหนูที่อยู่กับท่านผู้เฒ่าเอสโทสไง”   ราฟากล่าวด้วยเสียงที่ฟังดูสดใส
เหมือนเป็นเด็ก ๆ อีกครั้ง

          “เจ้าหนู  นี่เจ้าหนูที่อยู่กับท่านผู้เฒ่าเอสโทสจริง ๆ หรือนี่  ไม่น่าเชื่อเลย  เป็นเจ้าจริง ๆ หรือนี่”
นีย์กล่าวด้วยความดีใจพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ไม่เจอกันไม่กี่ปี เจ้าโตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้เลยหรือนี่
ครั้งสุดท้ายที่ข้าเจอเจ้ากับท่านผู้เฒ่านี่  เจ้าน่าจะอายุประมาณสามสี่ขวบใช่มั๊ย”

          “เกือบสิบหกปีแล้วนะ  ไม่ใช่ไม่กี่ปี”   ราฟาตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความดีใจเช่นกัน “ไม่นึกเลย
จะได้เจอกับท่านอีก”

          “เรียกข้าว่านีย์เหมือนคนอื่น ๆ ก็ได้”

          “ท่านหญิงล่ะ  นีย์  ท่านหญิงที่อยู่กับท่านไม่ได้มาด้วยเหรอ”

          “ถ้าเจ้าหมายถึงเซร่าล่ะก็  นางได้จากพวกเราไปแล้วล่ะ” นีย์ดูซึมไปเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ
“ท่านผู้เฒ่าล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

          “ก็โอเค  แต่ก็แก่ชราลงไปมากแล้วตามอายุ  น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้พบท่านหญิงผู้เลอโฉม
อีกครั้ง”  ราฟาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

          “นี่แซนด์กับซายน์  บุตรของนาง  ทายาทที่เหลืออยู่”

          ราฟากวาดสายตามองที่แซนด์อย่างรวดเร็ว  ก่อนที่จะหันมามองหญิงสาวเพียงคนเดียวอย่าง
พิจารณา  ซายน์มองตามสายตาของเขาที่ขณะนี้หยุดจ้องมายังรูปแมลงปอ ตรงรอยปรากฏที่หลังมือ
ของเธอ  ก่อนที่ราฟาจะเงยหน้าขึ้นมาสบกับสายตาสีมรกตของซายน์อีกครั้ง

          “ก็.. “  เสียงราฟาเงียบหายไป หลังจากได้พิจารณารูปหน้างดงามของซายน์อย่างเต็มที่ดยไม่ต้อง
พะวงหรือมีอะไรรบกวนอีกครั้ง “สวย......สวย   น้อยกว่าท่านหญิงเยอะเลย” พูดได้แค่นั้นก็รีบหันหลังกลับ
ไปคุยกับนีย์ต่อ  ไม่ทันได้เห็นสีหน้าบึ้งตึงออกอาการงอนๆ ของหญิงสาว

          ~~อะ…อะไรนะ  คนบ้าเอ๊ย  ไม่ต้องเอาเราไปเทียบกับแม่ก็ได้  รู้แล้วล่ะว่าท่านแม่น่ะสวยขนาดไหน 
ไม่สวยก็ไม่สวยซิ  ไม่เห็นอยากจะให้มาชมซะหน่อย~~

          “ท่านผู้เฒ่าส่งข้ามา  ให้ข้าเป็น เอ่อ…  ผู้พิทักษ์ให้กับ…ให้กับ…ทุก ๆ คน” ราฟาอ้ำอึ้ง ไม่กล้าบอก
ว่าเป็นผู้พิทักษ์ให้กับสาวสวยคนเดียวในกลุ่ม  ที่ท่านผู้เฒ่าเรียกว่าผู้กอบกู้  และถ้าใครสักคนจะสังเกต 
จะเห็นว่าขณะนี้หน้าของชายหนุ่มมีสีแดงขึ้นเล็กน้อย

          “ท่านผู้เฒ่าเหรอ  แสดงว่าท่านรู้แล้วล่ะสิว่าพวกเราจะมา ใช่… ใช่สิ  ท่านต้องรู้อยู่แล้ว  ระดับท่าน
ผู้เฒ่าเอสโทส ต้องรู้อยู่แล้ว”

          ~~ นีย์ดูตื่นเต้นที่รู้ว่าจะได้ไปเจอกับท่านผู้เฒ่าที่นายนั่นกล่าวถึง  ถึงจะเป็นใครก็ช่างเหอะ แต่ถ้าดู
จากอาการของนีย์แล้ว  คงจะเป็นคนที่น่าเคารพนับถือมากเลยทีเดียว แล้วระหว่างเดินทางคงไม่มีอะไร
ต้องกังวลแล้ว ถ้ามีนายนี่เดินทางไปด้วย~~ คิดได้แค่นี้ซายน์ก็เผลอยิ้มออกมา

          “ยืนยิ้มอะไรอยู่ได้   ไป.. ไปกันได้แล้ว”  เสียงแซนด์เตือน

           “เปล่าซะหน่อย”  ซายน์ตอบอาย ๆ กับความคิดของตนเอง    “อ้าว!~  รอด้วยซิ” ซายน์ตะโกนและ
รีบวิ่งตามเมื่อเห็นว่าขณะนี้นีย์ออกนำไปแล้วกับราฟา และแซนด์กับเจย์กำลังเดินตามไป

**********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น