ตั้งแต่กลับออกมาจากห้องของพี่ชาย ซายน์กับโฟร์ทสนุกสนานกับการท่องเที่ยวไปยังห้องต่าง ๆ ผ่าน
บานประตูโดยมีเกรซเน่ติดสอยห้อยตามคอยดูแลและให้คำแนะนำ ทั้งสามเข้า ๆ ออก ๆ ห้องต่าง ๆ ของปราสาท
ไปมากมาย ตั้งแต่ “ห้องรับประทานอาหารกลาง” ซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดไม่ใหญ่นัก โต๊ะไม้ตัวยาว
ตั้งเด่นอยู่กึ่งกลางห้อง เกรซเน่บอกว่าหากวันไหนที่มีการเลี้ยงรับรองพิเศษ หรืองานที่จำเป็นต้องมีแขกเหรื่อ
มากมาย ห้องนี้ก็สามารถขยายให้ใหญ่ขึ้นได้ตามความประสงค์ หญิงรับใช้ในชุดสีขาวพร้อมผ้ากันเปื้อน
หลายคนกำลังวุ่นวาย เดินผ่านเข้าออกช่องประตูโค้งมนซึ่งขนาบอยู่สองข้างซ้ายขวาของผนังเพื่อจัดเตรียม
โต๊ะอาหารสำหรับมื้อค่ำที่กำลังจะมาถึง ไม่มีใครสนใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาในห้องเลย
“ขาว...บอกให้ขาวไง” หญิงรับใช้คนหนึ่งดูจะมีอายุมากที่สุดในกลุ่ม ส่งเสียงอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับ
ใช้ไม้ยาว ๆ ตีไปบนม่านสีเขียวอ่อนซึ่งห้อยระย้าจากเพดานสูง ๆ ต่ำ ๆ ไปทั่วทั้งห้อง และยังไม่ทันที่ซายน์จะ
เอ่ยปากถามอะไรกับหญิงรับใช้ส่วนตัว ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าผ้าม่านสีเขียวกำลังเปลี่ยนสีตัวเองเป็นสีขาว
ไล่ไปเรื่อย ๆ จากจุดที่โดนตีจนมาบรรจบกัน “ดื้อจริง ๆ เชียว ต้องให้ลงไม้ลงมืออยู่เรื่อย” หลังจากบ่นเสร็จ
หญิงคนนั้นก็เดินตรวจตราความเรียบร้อยของโต๊ะอาหารต่อไป ซายน์ได้แต่หันมายิ้มแหย ๆ กับเกรซเน่ กับสิ่ง
ที่ได้เห็น
จากนั้นทั้งสามคนก็เปลี่ยนไปดู “ห้องครัว” ขนาดใหญ่ โดยก้าวผ่านจากประตูห้องรับประทานอาหารกลาง
ได้ทันทีเพียงแค่เอ่ยสถานที่ที่ต้องการไปเหมือนกับประตูที่ห้องส่วนตัว ซึ่งทันทีที่ประตูเปิดออก เหล่าพ่อครัว แม่ครัว
และลูกมือจำนวนมากถึงกับตกใจและชะงักการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตรงหน้าลงพร้อม ๆ กัน ก่อนจะตั้งสติได้จึง
ถอนสายบัวและโค้งคำนับผู้มาเยือน เกรซเน่อธิบายให้ฟังว่าไม่เคยมีใครเข้าไปในห้องครัวมานานแล้ว ทุกคน
คงเลยรู้สึกแปลกใจ ซายน์คิดว่ามันควรจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนแปลกหน้าโผล่เข้ามา และคงยัง
ไม่มีใครในปราสาทรู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน กลิ่นอาหารหอมยั่วน้ำลายโชยเข้าจมูกทำเอารู้สึกหิวขึ้นมาทันที
ทุกคนในครัวกำลังขะมักเขม้นจัดเตรียมอาหารจำนวนมากมาย เท่าที่เธอกะดูคร่าว ๆ ด้วยสายตา จำนวนคนใน
ห้องครัวรวมถึงกองวัตถุดิบต่าง ๆ ที่อยู่สุดปลายห้องไกลออกไป คงจะสามารถทำอาหารเลี้ยงคนในกองทัพขนาด
ย่อม ๆ ได้อย่างอิ่มหมีพีมันเลยทีเดียว โฟร์ทถึงกับบ่นอุบว่าหิวจนแสบท้อง และรีบชวนออกไปจากห้องครัวทันที
ก่อนที่จะอดใจไม่ไหวแล้วหยิบอาหารที่ดูน่ารับประทานตรงหน้าเข้าปาก
“ห้องหนังสือ” เป็นห้องต่อไปที่ทั้งสามเข้าไปสำรวจ ห้องนี้เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โตกว้างขวาง
ผนังทุกฝั่งเรียงรายไปด้วยตู้หนังสือขนาดยักษ์สูงท่วมหัว ซึ่งบรรจุหนังสือมากมายทุกขนาด ทุกแบบและทุกสี
กลางห้องมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่กับเก้าอี้นวมบุหนังหลายตัว กึ่งกลางโต๊ะมีรอยปูดนูนขึ้นมาเหมือนมีอะไรดันอยู่ข้างใต้
และเหมือนเกรซเน่จะรู้ว่าซายน์กำลังรู้สึกสงสัยถึงสาเหตุของมัน เธอจึงแสดงให้เห็นว่าทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น
“เรเดียน” สิ้นเสียงของหญิงรับใช้ รอยปูดนูนนั้นได้แยกออกเป็นแฉก ๆ เหมือนกลีบดอกไม้ที่บานออก
ก่อนจะปรากฏแท่งแก้วทรงกลมเรืองแสงสีขาวที่ค่อย ๆ สูงขึ้น ๆ จรดเพดาน ทำให้ห้องทั้งห้องค่อย ๆ สว่างไสว
แต่ส่งแสงนวลตา
“หนังสือเยอะขนาดนี้ เมื่อไหร่จะอ่านหมดล่ะเนี่ย” เสียงโฟร์ทบ่นพึมพำ
“แล้วหนังสือบนชั้นสูง ๆ เหล่านั้น จะหยิบยังไงคะ” ซายน์อดจะถามไม่ได้เมื่อสังเกตว่าไม่เห็นจะมีบันได
หรืออะไรที่จะช่วยให้ขึ้นไปหยิบได้เลย
“ตอนนี้ท่านหญิงอยากได้หนังสือเล่มไหนเจ้าค่ะ”
“โน่นค่ะ เล่มสีฟ้าคราม หนา ๆ ที่อยู่บนชั้นสูงสุด” สิ้นเสียงซายน์ หนังสือเล่มนั้นก็ค่อย ๆ ลอยลงมา
อยู่ตรงหน้า
“แค่ต้องการเจ้าค่ะ เพียงแค่คิดและประสงค์ ได้คงเช่นดั่งใจหวัง”
“ดวงดาราใต้ฟ้าคราม” ซายน์อ่านชื่อหนังสือที่อยู่ในมือ ก่อนจะนำไปวางบนโต๊ะ และเปิดไปหน้าแรก
“ดวงดารา โอ้.... ดวงดารา
ล่องลอยบนฟากฟ้า...สุขไฉน
บอกเล่า เรื่องราวเจ้า หน่อยเป็นไร
เพื่อข้าไซร้..ได้รู้ค่า ดารางาม”
เธอไล่สายตาอ่านตามตัวหนังสือไปทีละบรรทัด ทันทีที่อ่านจบหนังสือก็พลิกหน้าต่อไปด้วยตัวมันเอง
จากนั้นพระจันทร์เต็มดวงสีม่วงขนาดไม่ใหญ่นักก็ลอยขึ้นมาจากหนังสือ แต่มันไม่ใช่ดวงจันทร์ที่ปกตินัก
เนื่องจากกึ่งกลางของวงกลม มีเส้นบาง ๆ ที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่
“เราเป็นผู้ส่องแสงแห่งดินแดนพาร์ตรีไดส์ อยากพบเราก็เพียงแหงนหน้ามองดูเรา ท่านจะพบเห็นเราได้
ทั้งวันและทั้งคืน เรามีกันเจ็ดพี่น้อง ดูดี ๆ นะ ข้าชื่อ ไวโอเล็ต” พระจันทร์สีม่วงกำลังส่งเสียง ซายน์ตาโตหันไป
มองหน้าที่กำลังอมยิ้มของเกรซเน่ ก่อนจะหันไปเห็นสีหน้าสงสัยของโฟร์ท
“มันกำลังทำอะไรคะ ทำไมส่วนที่เป็นเหมือนปากมันขยับเหมือนจะพูด แต่โฟร์ทไม่ได้ยินอะไรเลย”
“มันกำลังทำหน้าที่ของหนังสือไงเจ้าคะ ผู้อ่านเท่านั้นที่จะรู้เรื่อง คนอื่น ๆ จะไม่ได้ยินในสิ่งที่ท่านหญิง
ได้ยิน แบบนี้จะทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องได้รับรู้ในสิ่งที่ตนต้องการ โดยไม่มีเสียงของหนังสือเล่มอื่น ๆ มากวน
ให้วุ่นวาย”
“ส่วนข้าชื่ออินดิโก้” พระจันทร์ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีครามเอ่ย “ข้าชื่อบลู... ข้าชื่อกรีน... ข้าชื่อเยนโล่...
ข้าชื่อ................” พระจันทร์ที่กำลังเปลี่ยนสีตัวเองไป ตามสีของรุ้งทั้งเจ็ดแนะนำตัวเองไปเป็นทอด ๆ
ซายน์ปิดหนังสือลงเบา ๆ ด้วยสีหน้าอิ่มเอิบก่อนจะหันไปยิ้มล้อ ๆ กับหญิงรับใช้ส่วนตัว “ต่อไปนี้ถ้าซายน์
หายไป มาหาได้ที่ห้องนี้นะคะ”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็กลับมาที่ห้อง เนื่องจากเกรซเน่เตือนให้รีบกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อจะลงไป
รับประทานอาหารเย็น ห้องทุกห้องในปราสาทสามารถเปิดถึงกันได้หมดด้วยประตูเพียงบานเดียวของห้องนั้น ๆ
ยกเว้นห้องนอนและห้องอาบน้ำของแต่ละคนที่จะสามารถเปิดได้จากประตูในห้องส่วนตัวเท่านั้น เมื่อซายน์กลับมา
ถึงห้องและแตะประตูไม้ในห้องพร้อมเอ่ยเบา ๆ “ห้องนอน” มันก็เปิดออกให้เห็นห้องขนาดพอเหมาะ เตียงสี่เสา
ขนาดใหญ่ที่มีม่านลูกไม้ห้อยระย้าตั้งเด่นอยู่มุมหนึ่ง ฟูกสีขาวดูนุ่มฟูอยู่บนเตียงพร้อมหมอนใบใหญ่ ทั้งห้องไม่มี
สิ่งตกแต่งใด ๆ เพิ่มเติมเหมือนต้องการให้เป็นห้องที่มีไว้สำหรับพักผ่อนอย่างแท้จริง เจ้าของห้องยิ้มด้วยความ
พึงพอใจก่อนจะเดินตรงไปที่เตียง ยกมือสัมผัสเบา ๆ ไปบนฟูก รู้สึกถึงความนุ่มนวล
“ใยของต้นพ็อกเพอนี่เจ้าค่ะ”
“ต้นพ็อกเพอนี่หรอคะ ...” โฟร์ทถามด้วยความงุนงง เมื่อคิดถึงปุยนุ่นที่ฟุ้งกระจายของดอกไม้สีม่วงอมฟ้า
“น่าเสียดายนะคะที่สามารถใช้ประโยชน์ได้แต่ส่วนที่เป็นลำต้น เพราะดอกของมัน พอเราสัมผัส..มันก็จะสลาย
ไปในอากาศ”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ มีวิธีเก็บดอกพ็อกเพอนี่เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไว้วันหน้าถ้าท่านหญิงและคุณ
ต้องการ เราจะลงไปลองเก็บกันก็ได้เจ้าค่ะ”
“นี่คงเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการใช้ประโยชน์ของพ็อกเพอนี่ใช่มั้ยคะ” ซายน์เปรยพร้อม ๆ กับนึกไปถึงประโยค
ของท่านผู้เฒ่าที่บอกว่ามันมีประโยชน์มหาศาล
“เจ้าค่ะ แล้วท่านหญิงจะได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ อีกมากในเฮเวนน่านี้ ไปอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะ ใกล้เวลา
อาหารแล้ว”
“ห้องอาบน้ำ” เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่นัก กั้นเป็นสองส่วนด้วยผ้าม่านผืนใหญ่ แยกเป็นส่วนที่ใช้สำหรับ
เปลี่ยนเสื้อผ้าและส่วนสำหรับเป็นที่อาบน้ำ ซายน์ก้าวเข้าไปในส่วนแรกและพบกับผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่พับวาง
ไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยหลายผืน ตู้ไม้ข้าง ๆ แขวนชุดยาวกรอมเท้าไว้หลายชุดต่างสี ต่างขนาดกัน อีกตู้ที่อยู่
ข้าง ๆ โต๊ะเครื่องแป้งเป็นตู้ที่แบ่งเป็นลิ้นชักกว่าสิบชั้น ซายน์ไล่สายตาอ่านป้ายชื่อที่สลักบนเนื้อไม้ดูสองสามชั้น
พบว่ามันเป็นลิ้นชักที่ใช้เก็บของจำพวกเครื่องประดับ
หลังจากผลัดชุดเก่าออกนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เดินมาอีกฝั่ง เธอก็ต้องรู้สึกตกตะลึงกับความหรูหราของมัน
โคมไฟระย้าที่มีเทียนหอมจุดไว้ ห้อยอยู่เหนือศีรษะ อ่างอาบน้ำสี่เหลี่ยมจัตุรัสทำด้วยหินอ่อนสีชมพูฝังอยู่
ตรงกลางห้อง ทางด้านหนึ่งของขอบอ่างมีปุ่มสี่เหลี่ยมนูนขึ้นมาสามปุ่ม เป็นปุ่มสีแดง สีน้ำเงิน และสีรุ้ง
ซายน์คุกเข่าลงลองสัมผัสปุ่มสีน้ำเงินเบา ๆ ทำให้น้ำเริ่มเอ่อขึ้นมาในอ่าง เมื่อเธอลองจุ่มมือลงไปก็รู้สึก
ได้ถึงความเย็นฉ่ำของน้ำ จึงลองสัมผัสปุ่มสีแดงดูบ้าง น้ำในอ่างกลับอุ่นขึ้น และเมื่อน้ำเกือบเต็มอ่าง เธอก็
ปลดผ้าขนหนูออกและเลื่อนตัวลงไปในน้ำ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่ลองสัมผัสลงบนปุ่มสีรุ้ง
ทันทีที่มันได้รับการสัมผัสปุ่มสีรุ้งแตกตัวออกเป็นปุ่มเล็ก ๆ เจ็ดสีเจ็ดปุ่ม ส่งสายใยบาง ๆ ตามสีของมัน
ตั้งฉากกับพื้นแต่ส่วนปลายโค้งงอเข้าหาอ่างอาบน้ำ ซายน์ยื่นมือกดลงบนปุ่มสีแดง ส่วนปลายของเส้นใยสีแดง
จุ่มลงในน้ำเกิดฟองสบู่ลอยเต็มผืนน้ำพร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกกุหลาบกรุ่นกระจายทั่วห้อง
“ยอดไปเลย....” ซายน์อุทานด้วยความดีใจและอาบน้ำอย่างมีความสุข
*****************************
“เจ้าว่าอะไรนะ...” เสียงถามด้วยความตกใจจากหญิงที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“ท่านหญิง... ขะ..ข้าเห็นจริง ๆ นะ ว่า... ว่าที่หลังมือด้านซ้ายของเด็กผู้หญิงคนนั้น...เอ่อ...ท่านหญิงซายน์
มะ.. มีรอยปรากฏ” ชายค่อนข้างเจ้าเนื้อ ศีรษะล้านยืนค้อมตัวอยู่ข้าง ๆ โต๊ะ เอ่ยตะกุกตะกัก
“รอยนั่น...มีรอยนั่นจริง ๆ หรือนี่” เสียงพึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“นางต้องเป็นคนในคำทำนายนั่น ไม่เช่นนั้นเอสโทส คงไม่พากลับมาด้วยตัวเองเช่นนี้”
“ทำไม... ทำไมต้องเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ คนนั้น”
“ท่านหญิงซีเวียร์” ชายผู้รับใช้พยายามเตือนให้เบาเสียงลง
“โคเฟ็น... เจ้าก็รู้ว่าข้ารอคอยการเป็นราชินีแห่งเฮเวนน่ามาเนิ่นนานแค่ไหน” ถึงแม้น้ำเสียงนั้นจะเบาลง
แต่ไม่ได้ลดความเกรี้ยวกราดลงเลย “แล้วเด็กนั่น... อยู่ดี ๆ มันก็จะมาเป็นราชินีครอบครองที่นี่ เจ้าจะให้ข้าใจเย็น
ได้อีกหรือไง”
“ข้า...ข้า....”
“ตอนนี้ท่านดำรงตำแหน่งผู้หยั่งรู้แห่งเฮเวนน่าแทนที่ตาเฒ่าเอสโทสนั่น... ท่านไม่มีหนทางช่วยข้าเลย
หรือไง”
“ต้องกำจัดนาง... ต้องกำจัดนางให้พ้นทาง” โคเฟ็นกระซิบกระซาบ
“อะ... อะไรนะ...” ท่านหญิงซีเวียร์ตาโตด้วยความตกใจ “มะ..ไม่มี ทางอื่นเลยหรือไง อย่างน้อยนางก็เป็น
หลานของข้า”
“ท่านหญิงซีเวียร์.. การจะเป็นใหญ่ ท่านจะใจอ่อนกับเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้” ชายที่เคยดูขาดความมั่นใจ
กลับมีสีหน้าที่ดูเอาจริงเอาจังมากขึ้น “ท่านต้องเด็ดขาด อย่างน้อยก็นึกถึงท่านหญิงทั้งสองไว้ เพราะถ้าหากนาง
ได้เป็นราชินีขึ้นมาจริง ๆ ไม่เพียงแต่ท่านเท่านั้นที่ต้องต้อยต่ำลง แม้แต่ท่านหญิงซินแคลล์ และท่านหญิงโซรีน
ก็จะไม่มีที่ยืนในเฮเวนน่าด้วย”
“ใครอยู่ตรงนั้น!!!” เสียงท่านหญิงซีเวียร์ดังขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะเห็นแมวตัวโตสีส้มกำลังเดิน
เยื้องย่างเข้ามา “คินคิน” เธอเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจตามมา
“คินคิน... คินคิน..อยู่ไหน.. มานี่เร็ว...” เสียงที่ดังมาก่อนจะเห็นเด็กหญิงวัยสิบขวบ ก้าวเข้ามาในห้อง
และพบว่าเจ้าแมวสีส้มกำลังเดินไปนั่งประจำที่ของตัวเอง “อยู่นี่เอง หิวล่ะซิ”
“โซรีน...เจ้ามาที่นี่นานหรือยัง” น้ำเสียงของท่านหญิงซีเวียร์แฝงไปด้วยความกังวลใจ กลัวว่าบุตรสาว
ของตนเองจะมาได้ยินการสนทนาเมื่อสักครู่นี้เข้า ก่อนจะรีบโบกมือให้ผู้หยั่งรู้คนใหม่ของเฮเวนน่าออกจากห้องไป
“ลูกเดินตามหาคินคินซะทั่ว เพิ่งจะวิ่งมาถึงนี่แหละค่ะ”
“อืม...แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ นี่ก็ได้เวลาอาหารแล้ว ยังไม่เห็นใครเลยสักคน อ้าว...ซิลแคลล์ ทำไมมาทางนี้ล่ะ”
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อบุตรสาวคนโตเข้ามาในห้องอาหารผ่านทางโค้งด้านข้างแทนที่จะเป็นประตู
“ลูกเดินมาจากเรือนสมุนไพรค่ะ”
“จะ...จะ...เจ้า มาถึงที่นี่นานหรือยัง”
“ทำไมหรือคะ” ซินแคลล์ถามกลับด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
“ก็... ก็ไม่มีอะไรหรอก... อ้าว... พวกเขาคงมากันแล้ว” ท่านหญิงซีเวียร์รีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นแสงสว่าง
เปล่งออกมาจากประตู
ซายน์เดินเข้ามาในห้องด้วยชุดยาวกรอมเท้าสีม่วงอ่อนและถุงมือเนื้อบางเบาสีเดียวกัน ตามติดมาด้วยโฟร์ท
ในชุดคล้าย ๆ กันแต่เป็นสีเขียวขี้ม้าและทันทีที่เธอเห็นสายตาซึ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจของท่านหญิงที่หัวโต๊ะ
ก็ทำเอาเธอก้าวขาแทบไม่ออก รีบจับเสื้อด้านหลังของหญิงตรงหน้าไว้
“ท่านป้าคะ ถ้าจะกรุณา ซายน์ขออนุญาตให้โฟร์ทอยู่ที่นี่ในฐานะ “เพื่อน” นะคะ ไม่ใช่หญิงรับใช้ส่วนตัว
และซายน์รับรองว่าเราจะไม่ขออภิสิทธิ์ใด ๆ ให้วุ่นวาย”
“ก็...ก็แล้วแต่หลานซิ “ ท่านหญิงซีเวียร์ตอบเบา ๆ และส่งยิ้มที่ดูฝืน ๆ มาให้ “แล้วนี่พี่ชายของเจ้ายัง
ไม่มาอีกรึ”
ทันใดนั้นประตูก็ส่องแสงอีกครั้งและเปิดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนพี่ชายฝาแฝดจะรีบถลาเข้ามาสีหน้าตื่น ๆ
“เอ่อ...ขอโทษครับ ขอโทษครับ อะ..อะ...อาบน้ำเพลินไปหน่อย” ประโยคหลังเสียงเบาจนแทบเป็นเสียงกระซิบ
เมื่อเห็นบรรยากาศที่ดูแปลก ๆ
*****************************
เมื่อทุกคนเข้าประจำที่ในโต๊ะอาหาร ซายน์ก็ต้องทึ่งกับชุดอาหารบนโต๊ะ เนื่องจากเป็นชุดเครื่องเงิน
เงาวับที่สวยงามจนแทบไม่กล้าจะสัมผัสลวดลายเถาวัลย์สีทองที่ล้อมรอบขอบจานสะท้อนแสงแวววาว ช้อนส้อม
และมีดที่มีลวดลายอันอ่อนช้อยสีทองตรงด้ามจับ แก้วน้ำคริสตัลทรงสูงซึ่งก้านยาว ๆ ของมันถูกพันไปด้วย
เถาวัลย์สีทองเส้นเล็ก ๆ ช่วยส่งให้โต๊ะอาหารดูหรูหรายิ่งขึ้นไปอีก ท่านหญิงซีเวียร์นั่งประจำอยู่ที่หัวโต๊ะ หยิบ
ช้อนเคาะไปเบา ๆ ที่แก้วน้ำ ส่งเสียงใสกังวานเป็นสัญญาณให้หญิงรับใช้ในชุดสีขาวพร้อมผ้ากันเปื้อนทยอยกัน
มาปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเป็นระบบ เพราะถึงแม้จะมีคนหลายคนเดินสวนกันไปมา แต่ทุกคนก็รู้ว่าหน้าที่
ของตนเองต้องทำอะไร ทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่น่าจะชุลมุนวุ่นวาย
“มองหาใครหรือ ซายน์” ท่านหญิงซีเวียร์อดถามไม่ได้เมื่อเห็นว่าหลานสาว ดูลุกลี้ลุกลนจ้องมองไปที่
ประตูบ่อย ๆ
“แล้ว...แล้ว เอ่อ... คนอื่น ๆ จะไม่มาร่วมโต๊ะกับเราหรือคะ” ซายน์ตอบพลางนึกไปถึงท่านผู้เฒ่ากับราฟา
“ไม่จ๊ะ... อาหารค่ำมื้อนี้ จะมีแต่ ครอบครัวเรา เท่านั้น”
ซายน์ได้แต่ยิ้มรับกับคำตอบ เมื่อมองอาหารบนโต๊ะซึ่งบัดนี้หญิงรับใช้ได้นำมาวางจนเต็มละลานตา
เธอได้แต่แอบถอนหายใจน้อย ๆ นึกเสียดายอาหารมากมายเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่มีผู้ร่วมโต๊ะอาหารเพียงหกคนกับอีก
หนึ่งตัว โดยมีท่านหญิงซีเวียร์นั่งอยู่หัวโต๊ะ ถัดมาทางด้านซ้ายมือเป็นซิลแคลล์ ซายน์และโฟร์ท ส่วนทางด้าน
ขวามือคือโซรีน คินคินที่กำลังเลียอาหารจานเปล่าอยู่บนเก้าอี้ และแซนด์ ไม่รู้ว่าอาหารบนโต๊ะทั้งหมดนี่กินกัน
ทั้งวันทั้งคืนจะหมดหรือเปล่า
มื้อค่ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะความหิวและอ่อนล้าจากการต่อสู้เมื่อกลางวันที่ผ่านมาหรืออาจจะ
เป็นเพราะอาหารอันโอชะที่มีให้เลือกมากมายหลายอย่าง และก็เป็นอย่างที่ซายน์คิดจริง ๆ เมื่ออาหารทุกจาน
ยังเหลืออีกเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพียงเพราะแค่ลองชิมอาหารเกือบทุกอย่าง อย่างละหนึ่งคำก็สามารถทำให้
อิ่มจนพุงกางแล้ว และอีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสีสัน และรูปร่างหน้าตาอันแปลกประหลาดของบรรดาอาหาร
บางจาน ที่ทำเอาไม่กล้าทดลอง
ทันที่ที่หญิงรับใช้จัดการเก็บจานบนโต๊ะอาหารเรียบร้อย และยกแก้วมีหูขนาดเล็กบรรจุน้ำสีฟ้าสดใสควันฉุย
มาวางตรงหน้าทุกคน ท่านหญิงซีเวียร์ก็แจ้งให้ทราบว่า วันรุ่งขึ้นจะมีการแจ้งเรื่องของสองพี่น้องอย่างเป็นทางการ
ต่อเหล่าข้าราชบริพารในปราสาท เพราะฉะนั้นขอให้ทั้งสองคนเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับกับสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังจะ
เปลี่ยนแปลงไป
*****************************
ซายน์ลืมตามองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง ชั่วขณะหนึ่งที่เธอรู้สึกตัว เธอยังคิดว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง
อันอบอุ่นในบ้านที่มีทั้งแม่และพี่ชาย ก่อนจะเริ่มเห็นเพดานและห้องที่แปลกตาไปพร้อมกับมีคำถามที่ผุดขึ้นมาเร็ว ๆ
ว่าขณะนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน แต่เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ เธอก็มีสติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซายน์ก้าวขาลงจากเตียงพยายาม
ส่งเสียงรบกวนเพื่อนร่วมห้องให้น้อยที่สุด สวมใส่รองเท้าที่ทำจากใยต้นพ็อกเพอนี่อันอ่อนนุ่มเดินออกไปสูดอากาศ
บริสุทธิ์ที่ระเบียง ท้องฟ้ายังเป็นสีเทาสลัว ๆ รอแสงจากรุ่งอรุณ และเป็นครั้งแรกจริง ๆ นับจากที่แม่จากไป ที่เธอ
รู้สึกผ่อนคลาย สงบ อุ่นใจและสุขใจอย่างประหลาด
มีเสียงกุกกักดังมาจากอีกฝากฝั่งของประตู ซายน์รู้ว่าคงจะเป็นเกรซเน่ที่เข้ามาเตรียมพร้อมจะดูแลเธอ และ
ทันทีที่เธอเปิดประตูออกไปสู่ห้องนั่งเล่น หญิงรับใช้ก็สะดุ้งน้อย ๆ
“ขอโทษเจ้าค่ะท่านหญิง ที่ทำเสียงดังจนทำให้ต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเช่นนี้”
“ไม่หรอกค่ะ ซายน์ตื่นสักพักแล้ว คงจะตื่นเต้นกับเรื่องที่จะต้องเจอวันนี้ เกรซเน่ไม่ได้มารบกวนอะไรซายน์
เลย” เจ้าของประโยคส่งยิ้มน้อย ๆ เป็นการยืนยันในสิ่งที่พูด แต่เมื่อยังเห็นสีหน้าที่รู้สึกผิดของหญิงรับใช้ก็อดจะ
ยืนยันเสียงแข็งอีกครั้งไม่ได้ “จริง ๆ นะคะ ซายน์หลับสบายมาก ๆ เลยไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้ว”
“อยู่นี่กันนี่เอง ตื่นมาไม่เห็นใครตกใจแทบแย่เลย” เสียงโฟร์ทตัดพ้อน้อย ๆ
“ก็เห็นโฟร์ทยังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก”
“ไหน ๆ ก็ตื่นมาแล้วทั้งคู่ แยกย้ายกันไปเตรียมตัวเถอะเจ้าค่ะ วันนี้เป็นวันสำคัญ เราไม่ควรจะลงไปสาย”
“ซายน์.. ซายน์..” น้ำเสียงอึกอักแสดงความไม่สบายใจ “รู้สึกไม่ค่อยดีเลยค่ะ มันตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้”
การประกาศตนต่อหน้าคนจำนวนมากใน “บ้าน” หลังใหม่ เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ อีกไม่กี่
ชั่วโมงข้างหน้า ทุก ๆ คนในปราสาทแก้ว จะได้รับรู้ว่าเธอเป็นใคร ตำแหน่งท่านหญิงคนใหม่ของเฮเวนน่า บุตร
ของอดีตท่านหญิงที่จากโลกพาร์ตรีไดส์ไปแสนนาน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมองเธอในแง่ไหน จะรู้สึกชื่นชมยินดี
หรือไม่ ที่เธอได้กลับมามีตัวตนตรงนี้ แต่ที่แน่ ๆ เธอคงไม่รู้สึกแปลกใจเลย หากพวกเขาจะรู้สึกเมินเฉย ไม่ยินดี
ยินร้ายกับการปรากฏตนของเธอ
“อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะท่านหญิง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ความคิด ของตัวเองนี่แหละเจ้าค่ะ อะไรที่ยัง
ไม่เกิดก็ไม่ควรไปกังวลกับมันซะก่อน ตั้งสติไว้เพื่อเผชิญหน้ากับมันอย่างสง่าผ่าเผยจะดีกว่า”
ซายน์ยิ้มรับคำแนะนำด้วยความปรารถนาดีของเกรซเน่ ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำหลังประตูไม้
บานใหญ่ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในห้อง
“แล้วโฟร์ทจะได้เข้าไปร่วมในงานวันนี้หรือเปล่าคะ”
“แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านหญิงน้อยคงไม่ยอมแน่ หากไม่ให้เกียรติ “เพื่อน” ของท่านเข้าไปในงานด้วย
รีบไปเตรียมตัวเถอะเจ้าค่ะ”
*****************************
ห้องโถงทรงกลม เต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้งชายและหญิงยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด แต่
ละคนแต่งตัวด้วยชุดเต็มยศราวกับจะลงประกวดแข่งขันกัน สายสะพายที่คล้องพาดบ่าต่างประดับด้วยเหรียญ
ตรารูปทรงต่าง ๆ มากน้อยไปตามยศตำแหน่ง
“ทำไมอยู่ ๆ ท่านหญิงซีเวียร์จึงเรียกประชุมด่วนเช่นนี้ล่ะ ท่านรู้หรือไม่” ชายร่างอ้วน แก้มแดงหวีผม
เรียบแปล้ เอ่ยถามในวงสนทนา
“ข้าลองแอบถามท่านผู้หยั่งรู้โคเฟ็นแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอะไรข้าเลย” ชายผอมสูง ไว้หนวดดกดำ
เล่าให้ฟังอย่างหงุดหงิด
“แต่ข้าได้ข่าวมาว่า ท่านผู้หยั่งรู้เอสโทสกลับมาเมื่อวานนี้” ชายตัวเล็กที่มองเผิน ๆ เหมือนเด็ก
กระซิบกระซาบบอก
“หา!!~~” น้ำเสียงตื่นเต้นจากคนทั้งวงเปล่งออกมาพร้อม ๆ กัน จนทำให้คนอื่น หันมามองกันเป็นตาเดียว
“พวกเจ้านี่หนา อย่าเสียงดังไปซิ” ชายตัวเล็กได้ทีกำชับเพื่อนร่วมวง “ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับผู้เฒ่า
เอสโทสแน่นอนเลยทีเดียว”
“ถ้าเป็นจริงตามที่ท่านบอก นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ผู้เฒ่าเอสโทสหายหน้าไปตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนั่น
ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงกลับมาซะล่ะ” หญิงสูงวัย ผู้มีผมสีดำขลับขัดกับใบหน้าที่ดูชราเอ่ยถาม
ด้วยความตื่นเต้น
“หรือว่าท่านจะกลับมาเพื่อทำพิธีแต่งตั้งท่านหญิงซีเวียร์เป็นราชินีแห่งเฮเวนน่าอย่างเป็นทางการซะที รู้ ๆ
กันอยู่ว่าเจ้าโคเฟ็นมันไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว” ชายร่างอ้วนออกความเห็นอีกครั้ง
“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ไว้” ไม่พูดพร่ำทำเพลง หญิงชราหนึ่งเดียวในวงหันหลังเดิน
ออกไปกระจายข่าวการกลับมาของอดีตผู้หยั่งรู้แห่งเฮเวนน่า โดยที่ไม่มีใครในวงห้ามไว้ทัน
“ข้าไม่น่าปากโป้งต่อหน้า เพบิเร่ เลยให้ตายเถอะ” ชายตัวเล็กส่ายหัวน้อย ๆ เมื่อเห็นว่าขณะนี้ข่าวของเขา
กระจายไปทั่วทั้งห้อง เสียงจ้อกแจ้กดังขึ้นกว่าเก่าเป็นเท่าตัว
“แปะ แปะ แปะ”
เสียงปรบมือของโคเฟ็นที่ยืนอยู่บนยกพื้นหน้าบัลลังก์ ทำให้ภายในห้องโถงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ทุกคน
กลับมาใจจดใจจ่อ กับการปรากฏตัวของท่านหญิงผู้มีอำนาจสูงสุดในเฮเวนน่าขณะนี้ นางก้าวเข้ามาในห้องด้วย
ชุดท่านหญิงเต็มยศ ชุดเสื้อยาว กระโปรงทรงสุ่มฟูฟ่องสีฟ้าขริบทอง สายสะพายสีทองเปล่งประกายมีเข็มกลัดเพชร
รูปแมลงปอประดับอยู่ที่บ่า มงกุฎเพชรล้อแสงไฟระยิบระยับจับตา ท่านหญิงซินแคลล์และท่านหญิงโซรีนเดินตาม
ท่านแม่เข้ามาติด ๆ
“ท่านหญิงซีเวียร์ มีเรื่องสำคัญจะประกาศให้ทุกคนทราบ” โคเฟ็นประกาศก้องเมื่อทุกคนทำความเคารพต่อ
หญิงบนบัลลังก์แล้ว
“ทุกท่านคงจำเรื่องเมื่อสิบหกปีก่อนได้ดี” น้ำเสียงทรงอำนาจแต่เจือไปด้วยความเศร้าเอ่ยขึ้น “วันนั้น
ชาวเฮเวนน่าต้องพบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งข้าเชื่อว่าคงไม่มีใครจะลืมมันได้ลง...” นางเว้นวรรคไป
ชั่วครู่เพื่อต้องการไตร่ตรองคำพูด “นอกจากราชินีเซ็นย่า จะสละตนเองเพื่อปกป้องทุกคนแล้ว ท่านหญิงเซร่า
น้องสาวเพียงคนเดียวของข้า รวมถึงท่านผู้เฒ่าเอสโทสก็หายสาบสูญไปนับตั้งแต่วันนั้นด้วย ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขา
หายไปไหน ไปอยู่ที่ใดและกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้แต่ตัวข้าเอง ก็ยังไม่สำคัญพอที่ท่านผู้เฒ่าจะแจ้งให้ทราบ”
น้ำเสียงท้ายประโยคดูแฝงนัยบางอย่างไว้ “จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ท่านผู้เฒ่าได้กลับมายังเฮเวนน่าแล้ว” เสียง
จ้อกแจ้กจอแจเริ่มกลับมาอีกครั้ง และเมื่อท่านหญิงเอื้อนเอ่ยวาจาต่อ ทุกคนก็พร้อมใจกันกลับมาฟังอย่างตั้งใจ
“ท่านกลับมาพร้อมกับข่าวที่น่าเศร้านักว่า เราจะไม่มีวันได้พบเจอท่านหญิงเซร่าอีก นางได้จากเราไปแล้วชั่วนิรันดร์”
เสียงอื้ออึงดังขึ้นอีกครั้ง “แต่กระนั้น ในความสูญเสียครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีตามมาพร้อมๆกัน เมื่อท่านผู้เฒ่า
ได้พาใครบางคนกลับมาด้วย”
สิ้นเสียงท่านหญิงซีเวียร์ ท่านผู้เฒ่าเอสโทสซึ่งมีซายน์และแซนด์เดินขนาบข้าง พากันเดินเข้ามาใน
ห้องโถงจากประตูด้านหลัง มีโฟร์ทกับราฟาซึ่งใช้ไม้เท้าเวทนำทางเดินตามหลังมาเงียบ ๆ เหล่าข้าราชบริพารใน
ห้องพากันถอย แหวกเป็นทางเดินให้โดยอัตโนมัติพร้อมกับส่งเสียงกระซิบกระซาบคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ จน
กระทั่งทั้งห้าคนเดินไปทำความเคารพท่านหญิงบนบัลลังก์ และหันกลับมาโค้งน้อย ๆ ให้กับทุกคนในห้องโถง
“ชายและหญิงที่อยู่หน้าทุกท่านนี้” ท่านผู้เฒ่าดันซายน์และแซนด์มาข้างหน้า เอ่ยช้า ๆ อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“คือบุตรฝาแฝดของท่านหญิงเซร่า”
และเป็นที่แน่นอนเมื่อสิ้นเสียงท่านผู้เฒ่า เสียงอื้ออึงในห้องโถงกลับดังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจนจับใจความ
ใด ๆ ไม่ได้ สองพี่น้องฝาแฝดแอบหันมามองสบตากัน ต่างรู้สึกไม่มั่นใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพราะ
ไม่แน่ใจว่าทั้งสองจะได้รับการยอมรับจากผู้ที่รวมกันอยู่ ณ ที่นี้หรือไม่ การที่แม่จากที่นี่นานเกินไปจะถูกหลงลืม
ไปหรือเปล่า แต่ความคิดทั้งหมดก็ต้องหยุดลงเมื่อน้ำเสียงที่ทรงอำนาจของท่านหญิงซีเวียร์ประกาศก้องขึ้นมา
“ข้าขอขนานนามอย่างเป็นทางการต่อหน้าทุกคน นี่คือท่านหญิงซายน์ และท่านชายแซนด์แห่งอาณาจักร
เฮเวนน่า ผู้ซึ่งจะดำรงยศและสิทธิ์ตามฐานันดรศักดิ์ทุกประการ”
*****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น