นี่แหละฉัน

รูปภาพของฉัน
Thailand
"ตัวฉัน คนอย่างตัวฉัน ใครจะมาสนใจ..." อิอิ.. รักเสียงเพลง บรรเลงตัวหนังสือ... ชอบอ่าน ชอบเขียน......
"หนังสือ" คือเพื่อนที่ปรารถนาดีที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ... เพราะในชีวิตยังมีเพื่อนดี ๆ ให้เจออีกเยอะ

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 19 แขกผู้มาเยือน

 

 

          ทันทีที่ซายน์ก้าวผ่านแสงสีทองส่องประกายจากต้นฟลูฟีลเชี่ยนซึ่งเป็นเสมือนประตูเข้าสู่บ้านที่ปลอดภัย 
อย่างแรกที่เธอเห็นคือชายชราผอมสูงในชุดยาวสีขาว  ผมที่ยาวถึงกลางหลังเป็นสีขาวเปล่งประกายท่ามกลาง
แสงแดด  ยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เหมือนจะช่วยปลอบประโลมใจ

          “ท่านผู้เฒ่า”  ซายน์เอ่ยเรียก  พยายามกลั้นเสียงสะอื้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา  วินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือน
ความทุกข์ใจทั้งหลายมลายหายไป  ความโศกเศร้าความเสียใจเหมือนจะได้รับการเยียวยาเพียงแค่ได้เห็นหน้า
ชายชราตรงหน้า  “ราฟา...ราฟา....”  หลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูด อยากจะบอกแต่เหมือนกับมีก้อนอะไร
มาจุกอยู่ที่คอ  ทำให้พูดไม่ออกได้แต่หันหลังกลับไปมองคนอื่น ๆ ที่กำลังเดินตามเข้ามา

          “ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไร ราชินีน้อย ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”

          “โห...ที่นี่สวยจังเลยค่ะ”   โฟร์ทหันกลับไปพูดกับแซนด์และเจย์ซึ่งช่วยกันพยุงราฟาผ่านต้นฟูลฟีลเชี่ยน
เข้ามา  ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจีแซมด้วยดอกไม้หลากสีสันที่แข่งกันชูช่อ ทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวกลับมีชีวิตชีวาขึ้น

          “ท่านผู้เฒ่า”  แซนด์และเจย์แทบจะเอ่ยออกมาพร้อม ๆ กัน เมื่อเห็นว่าชายชรามายืนรอรับถึงทางเข้าเช่นนี้

         “เข้าบ้านกันก่อนเถอะ  แล้วค่อยว่ากัน”

*****************************


          “ราฟา~~~!”
   เสียงร้องด้วยความตกใจของซายน์

          “ซายน์  ใจเย็น ๆ”  แซนด์ตะโกนเตือน  เมื่อเห็นว่าขณะนี้ดวงตาของซายน์เปลี่ยนเป็นสีม่วง และมีแสง
สีม่วงเข้มเปล่งประกายออกมาจากตัวของเธอ   พร้อมกับมีลมพัดแรงหมุนวนรอบ ๆ ตัวจนทำให้เกิดฝุ่นตลบ

          “แอคมิ....”

          “ซายน์อย่า...”  ยังไม่ทันที่ซายน์จะร่ายเวทจบ พี่ชายรีบฝ่าแรงลมรอบ ๆ ตัวเข้ามาห้ามเอาไว้ “ทำแบบนั้น
พวกเขาจะตายกันหมดนะ”

          “แล้วที่พวกเขาทำกับเราล่ะ”  ซายน์ซึ่งลดอารมณ์โกรธลงบ้างแล้วทำให้แรงลมหายไป แต่ดวงตาและ
แสงที่เปล่งประกายจากตัวยังคงอยู่  “พี่ดูที่เขาทำกับราฟาสิ”

          “ถ้าเราฆ่าพวกเขาทั้งหมด  เผ่าวิเพอรี่ก็จะต้องสูญสิ้นไป ทำแบบนั้นเราจะต่างอะไรกับพวกของร็องดอร์”
คำพูดที่เตือนสติของพี่ชายฝาแฝด  ทำให้ซายน์เริ่มกลับสู่สภาพปกติ

         “ข้าจะถือว่าสิ่งที่พวกท่านทำลงไป เพราะคำสั่งของคนชั่วพวกนั้น ขอให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้ อย่าให้ต้อง
สูญเสียมากไปกว่านี้เลย”

          “โธ่ ๆ  คงไม่ได้หรอก... ถ้าปล่อยพวกเจ้าไป พวกเราก็ต้องตายอยู่ดี  การสู้กับพวกเจ้าอาจมีทางรอดมากกว่า”

          “พวกท่านบีบบังคับพวกเราเองนะ”  แซนด์ขู่

         “ดีวา~ วีเพอ~  อินโวค~ แอ๊บเพียร์~”    หัวหน้าเผ่ารีบเรียกงูยักษ์นากาออกมา  แต่ยังไม่ทันที่เจ้างูยักษ์
จะได้ทำอะไร ชายหัวล้านก็ค่อย ๆ ทรุดล้มลงไปนอนบนพื้นด้วยเวท  “เพียซคัท”  ของซายน์  เลือดสีแดงไหล
ออกจากหน้าอกส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง  งูยักษ์นากาหายวับไปทันทีเมื่อผู้เรียกได้สิ้นลมหายใจ คนอื่น ๆ ในเผ่า
แตกฮือกระจัดกระจายเมื่อไร้ผู้นำ

          “ไปซะ  ถอยไปซะ อย่าให้เราต้องฆ่าใครอีกเลย”  น้ำเสียงทรงอำนาจของซายน์  ทำให้คนในเผ่าทยอยหลีก
จนแหวกออกเป็นทางเดินให้ทั้งห้าคนเดินออกจากเผ่าวิเพอรี่ออกมา

*****************************

           ท่านผู้เฒ่าลืมตา  ปล่อยมือจากฝ่ามือของซายน์หลังจากใช้เวทดูภาพมายาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด 
ก่อนจะเงยหน้าสบตาที่เอ่อไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ โดยมีแซนด์ เจย์และโฟร์ทนั่งหน้าเศร้าอยู่รอบ ๆ โต๊ะ

          “ท่านผู้เฒ่า.. ท่านผู้เฒ่ารักษาราฟาได้ใช่มั้ยคะ”  ซายน์พยายามกลั้นเสียงสะอื้นถามอย่างมีหวัง

          “ไม่ต้องห่วงราชินีน้อย  อย่างไรข้าก็ต้องหาทางรักษาราฟาให้เป็นปกติโดยเร็ว”

          “แต่... แต่...ท่านผู้เฒ่าดูเหมือนจะไม่สนใจเลยนี่คะ   แค่ให้เขาดื่มโฮลี่ รัชเทล แล้วก็นอนพักในห้อง
มันน่าจะมีวิธีหรือการรักษา หรืออะไรก็ได้ที่มากกว่านั้น..คือ..คือ...อย่างน้อยก็ใช้เวทไงคะ  ใช้เวทช่วยรักษา....”
ซายน์ทำท่าจะพูดต่อยืดยาวถ้าไม่ถูกท่านผู้เฒ่าขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ

          “อย่าห่วงเลยราชินีน้อย เชื่อข้าเถอะ  ราฟาจะกลับมาเป็นปกติแน่นอน”

         “ใจเย็น ๆ นะซายน์  ท่านผู้เฒ่าไม่ปล่อยให้ราฟาเป็นอะไรหรอก”  เจย์ช่วยพูด

          “ขอข้าดูสร้อยข้อมือของท่านได้หรือไม่”  อยู่ ๆ ท่านผู้เฒ่าก็หันไปเอ่ยกับแซนด์  ก่อนที่พี่ชายฝาแฝดจะยื่นมือ
มาตรงหน้าชายชรา โดยที่ไม่ได้ถอดสร้อยออกจากข้อมือส่งให้  บอกเพียงแต่ว่าทำตามคำสั่งท่านแม่ที่ไม่ให้ถอด
สร้อยออกจากจากตัวเด็ดขาด  ชายชราเอ่ยชมที่เขายังจดจำและยึดมั่นปฏิบัติตามคำสั่งสอนเป็นอย่างดี  ก่อนจะ
เริ่มพิจารณาสร้อยรูปแมลงปอบนข้อมือของแซนด์

          “ผลึกรูไทล์  ควอตซ์”  แซนด์ทวนคำ  หลังจากได้ยินท่านผู้เฒ่าเอ่ยเรียกชื่อผลึกบนตัวแมลงปอ

         “ใช่...รูไทล์ ควอตซ์   หนึ่งในผลึกแห่งแสงทั้งหก”  ชราหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ความกระจ่างต่อไป “แสดงว่า
ขณะนี้ผลึกแห่งแสงได้ปรากฏออกมาแล้วสามชิ้น คือ ผลึกสีเขียว  คริสโซโคลลา ที่ร็องดอร์ได้ไปจากเผ่าคาร์มีล  
ผลึกสีแดง  สปีเนล จากเผ่าวิเพอรี่  และผลึกใสเปรียบกับแสงสีขาวที่อยู่กับเรา”

         “ผลึกของคุณรูปปั้น”  ซายน์เอ่ยขึ้นเบา ๆ เหมือนจะขอบคุณ

         “ท่านผู้เฒ่าครับ  แล้วลูกศรที่ฝังไปในตัวซายน์จะมีอันตรายอะไรรึเปล่าครับ”  แซนด์เป็นห่วงน้อง

           “อาวุธที่ระลึกจากข้า...”  ท่านผู้เฒ่าเอสโทสทวนเสียงพูดของคุณรูปปั้น   “ถ้าสิ่งที่ข้าคิดไม่ผิดพลาด
ลูกศรนั่นจะกลายเป็นอาวุธประจำตัวของท่าน...ราชินีน้อย”

          “อาวุธประจำตัว”  ซายน์ทวนคำงง ๆ  “แล้วจะใช้ยังไงละคะ.. ซายน์ยังไม่รู้วิธีนำมันออกมาจากตัวเลย”

          “ราชินีน้อยคงจะต้องลองหาวิธีด้วยตัวเอง”  ท่านผู้เฒ่าเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้มาใหม่ 
จนทำให้โฟร์ทรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่มองเหมือนจะทะลุไปถึงข้างใน  “ไปพักผ่อนกันเถอะ ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว”

         “ซายน์ขอไปดูแลราฟานะคะ”

         “อย่าเลยราชินีน้อย  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คืนนี้เขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ รวมถึงทุก ๆ คนด้วย ขอให้
พักผ่อนให้เต็มที่  มีอะไรรอให้ทำอยู่อีกมากมาย”

         “รออยู่...”  แซนด์ทวนคำ  “ท่านผู้เฒ่ามีงานอะไรให้พวกเราทำอีกหรือครับ”

         “ไม่มีอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลย พักผ่อนให้สบายเถอะ  ไป....ไปกันได้แล้ว”  ท่านผู้เฒ่าเอ่ยไล่เบา ๆ ก่อนจะ
หันไปพูดกับเจย์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง  “สำหรับท่านข้าขอคุยอะไรด้วยหน่อย  เชิญตามข้ามาที่ห้อง” พูดจบท่านผู้เฒ่า
ก็เดินเลี่ยงออกไป

         “เป็นความลับขนาดนั้นเชียว  คุยเรื่องอะไรกันนะ  อยากรู้รึเปล่า”  แซนด์ตั้งใจจะหันกลับมาถามน้องสาว
ฝาแฝดเมื่อเห็นเจย์เดินตามท่านผู้เฒ่าไปติด ๆ  แต่เมื่อหันกลับมาถึงเพิ่งรู้ว่าขณะนี้ตัวเองยืนอยู่คนเดียวในห้อง
เพราะซายน์และโฟร์ทเดินกลับห้องพักไปแล้ว  “อ้าว!! ไปกันหมดเลย  รอด้วยสิ”

*****************************


          “พี่แซนด์...  พี่สังเกตรึเปล่าว่าสองสามวันมานี่  พี่เจย์ดูเก็บเนื้อเก็บตัว เหมือนจะหลบหน้าหลบตาพวกเรา
ยังไงก็ไม่รู้”

          “คิดมากน่าซายน์   เจย์คงอยากพักผ่อน  ว่าแต่ราฟาเถอะ เป็นยังไงบ้าง”

          “อาการอื่น ๆ ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่เรื่องการมองเห็น....”

          “ไม่เป็นไรหรอก  เชื่อพี่สิ  ท่านผู้เฒ่าต้องจัดการทุกอย่างได้แน่นอน  อีกไม่นานราฟาก็จะกลับมามองเห็น
เหมือนเดิม”

          “ค่ะ...  ซายน์เชื่อ”  หญิงสาวส่งยิ้มสดใสให้พี่ชาย  “เออใช่...พี่แซนด์เห็นโฟร์ทบ้างรึเปล่าคะ นี่ก็อีกคน
หายหน้าหายตาไปเหมือนพี่เจย์เลย”

         “คงเดินเล่นแถว ๆ นี้แหละ  เห็นบอกว่าชอบที่นี่มาก”

          “ดู ๆ ไปโฟร์ทก็น่ารักเหมือนกันนะ..  พี่ว่ามั้ย”  ซายน์ถามยิ้ม ๆ

          “ยิ้มอะไร  ไม่ต้องมาทำหน้าทะเล้นแบบนั้นเลย  ไป ...  จะไปดูแลราฟาไม่ใช่เหรอ รีบ ๆ ไปเลย”  แซนด์
ดันหลังน้องให้เดินนำไป

          “พี่แน่ใจนะว่าจะไปกับซายน์  ไม่ไปตามหาโฟร์ทเหรอ”  น้องสาวยังกระเซ้าไม่เลิก

          “ยังอีก  ยังพูดเล่นอีก  เดี๋ยวใครได้ยินเข้ามันไม่ดี เลิกพูดได้แล้ว  ป่านนี้ราฟารอนางพยาบาลประจำตัวแย่แล้ว”

          “นางพยาบาลอะไร  พูดดี ๆ นะ”

           “พูดแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดง  นั่นแน่...  โอ๊ย!! เจ็บนะ..จะตีทำไม เขินละสิ  นั่นแน่ ๆ  หน้าแดงใหญ่แล้ว  
โอ๊ย!! “  เสียงร้องลั่นของพี่ชายฝาแฝดก่อนที่จะวิ่งหนีน้องสาวไปรอบ ๆ บ้าน

*****************************


           “ท่านผู้เฒ่าครับ...เรื่องของเจย์”

          “เจ้ารู้แล้วใช่มั้ยราฟา... ว่าเจย์คือ....”

          “ครับ  ท่านผู้เฒ่า.... เจย์คือหนึ่งในจตุเทพ  ข้าเริ่มแปลกใจตั้งแต่ตอนฝึกใช้เวทใหม่ ๆ ว่าเขาสามารถ
ทำได้ดีพอ ๆ กับราชินีน้อย แต่เริ่มมั่นใจมากขึ้นตอนได้เห็นเขาใช้เวทเมื่อคราวต่อสู้กับงูยักษ์นากา  เขาสามารถ
ควบคุมลม ฝนและอากาศได้”

          “เมื่อครั้งที่เจ้าถามข้าเรื่องความสามารถในการใช้เวทของเจย์  ข้าก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาคือ วายุเทพ 
มัวแต่คิดไปว่าเพราะสายเลือด”

          “สายเลือด”  ราฟาทวนคำ   “ท่านผู้เฒ่าทราบมานานแล้วหรือครับว่าเขามีสายเลือดของชาวเฮเวนน่า”

         “ใช่... เจ้าก็รู้จตุรเทพทั้งสี่ต้องมีสายเลือดของชาวเฮเวนน่าทั้งนั้น ทั้งเจ้า ทั้งเคลอิ ทั้งเจย์” ท่านผู้เฒ่า
เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ   “มันไม่ใช่แค่นั้น  แต่ยังมีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่ารอที่จะเปิดเผยอยู่”

          ราฟานิ่งเงียบไม่ได้ถามอะไรต่อ  ทั้ง ๆ ที่ค้างคาใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่า  แต่เขาอยู่กับท่านผู้เฒ่ามานาน 
นานจนพอจะรู้ว่าหากเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าจะบอกเขาเอง แต่ที่ท่านพูดเปรยไว้เฉย ๆ โดย
ไม่เอ่ยอะไรต่อก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องรับรู้

          “ใกล้เข้ามาแล้วราฟาเอ๋ย...  เรากำลังมีศึกครั้งใหญ่”  น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยหลังจากเงียบไปนานของท่านผู้เฒ่า
เจือไปด้วยความวิตกกังวล

*****************************


           “อะไรนะ!!~   จริงหรือเปล่า  พี่เจย์นี่เหรอ เป็นหนึ่งในจตุรเทพ”  น้ำเสียงตื่นเต้นของซายน์

          “ข้าจะโกหกท่านไปเพื่ออะไร  ราชินีน้อย”  ราฟาเป็นคนแจ้งข่าวนี้แก่ซายน์และแซนด์  ขณะที่ทั้งสามคน
กำลังนั่งคุยกันอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้าน ท่ามกลางแสงจันทร์  พี่น้องฝาแฝดรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใจกับเรื่อง
ที่ได้รับรู้ ต่างผลัดกันซักถามเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับการเป็นหนึ่งในจตุรเทพของเจย์

         “มิน่าละ   ตั้งแต่คุยกับท่านผู้เฒ่าวันนั้น  ถึงไม่ค่อยเจอกับเจย์เลย  ไม่ได้การแล้ว ต้องเรียกมาคุยกันหน่อย
เจย์...เจย์  ได้ยินรึเปล่า นายอยู่ไหน  มาคุยกับพวกเราหน่อยสิแซนด์ส่งกระแสจิตเรียกเจย์  แต่ก็ไม่มีการ
ตอบรับใด ๆ กลับมา

         “เขาปิดกั้นกระแสจิตตัวเอง”  ราฟาบอก  “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เขากำลังฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อปลุกพลัง
ที่หลับอยู่ในตัว”

         “พลังที่หลับอยู่ในตัว”  แซนด์ทวนคำงง ๆ

          ราฟาจึงไขข้อข้องใจโดยเริ่มอธิบายถึงการเป็นจตุรเทพว่า ไม่มีใครจะรู้ล่วงหน้าว่าใครได้ถูกกำหนดให้รับ
พลังอันพิเศษนี้   จตุรเทพทั้งสี่ประกอบไปด้วย  เทพแห่งดิน ซึ่งจะเรียกกันว่า  ธรณีเทพ  เทพแห่งน้ำ คือธาราเทพ 
เทพแห่งลมคือวายุเทพ และเทพแห่งไฟ อัคคีเทพ  หน้าที่หลักของผู้ได้รับพลังพิเศษนี้ก็คือ การเป็นองครักษ์ชั้นสูง
ของราชินีแห่งเฮเวนน่า  เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่เหตุการณ์ในสามอาณาจักรสงบเรียบร้อยพลังเหล่านี้ก็จะไม่ปรากฏ
ออกมา  แต่หากเกิดความวุ่นวายหรือเหตุการณ์ร้ายแรง  เมื่อนั้นจะมีคนสี่คนที่มีเชื้อสายของชาวเฮเวนน่าได้รับพลัง
พิเศษควบคุมธาตุเหล่านั้น  และเมื่อเหตุการณ์ร้าย ๆ และวุ่นวายเหล่านั้นจบสิ้นไป  ทั้งสี่คนก็จะกลายเป็นเพียง
ผู้ใช้เวทธรรมดาเหมือนคนทั่วไป  แต่หากจตุรเทพคนใดมีอันต้องเสียชีวิตไปทั้ง ๆ ที่ภาระหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้น  ก็จะ
มีผู้ได้รับเลือกคนใหม่มาทำหน้าที่แทน

          “แสดงว่า เจย์ มีเชื้อสายของชาวเฮเวนน่าอยู่ด้วย”  แซนด์เอ่ยถามเมื่อราฟาอธิบายให้ฟังอย่างคร่าว ๆ จบลง

          “ข้อนี้  ข้าคงต้องตอบว่าใช่  แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าจากที่ไหน อย่างไร”

         “องครักษ์ชั้นสูงของราชินีแห่งเฮเวนน่าเหรอ”  ซายน์เอะใจ  “แล้วคนที่ท่านเรียกว่าธรณีเทพ ที่เราเจอเขา
ที่เผ่าวิเพอรี่ละ ทำไมถึงกลายไปเป็นพวกของร็องดอร์”

         “เอ่อ....”  คำถามของซายน์ทำเอาราฟาถึงกับอึ้งไป  “มันอาจมีอะไรผิดพลาดนิดหน่อย ตามความคิดข้า 
หากจตุรเทพคนใดคิดคดทรยศต่อราชินีของเฮเวนน่า  คน ๆ นั้นน่าจะสูญสิ้นพลังพิเศษนี้  แต่นี่เจ้าเคลอิยังคง
ใช้พลังของจตุรเทพได้  ข้าก็เคยคำถามนี้กับท่านผู้เฒ่า แต่ท่านก็ไม่เคยให้คำตอบใด ๆ กลับมา”

          “แล้วเทพแห่งไฟละ  อัคคีเทพนะ อยู่ที่ไหนเหรอ”  แซนด์ถาม  แต่ราฟากลับส่ายศีรษะแทนคำตอบ  ทั้งสาม
ยังนั่งสนทนากันไปเรื่อย ๆ ในอีกหลาย ๆ เรื่องราว  รวมถึงปัญหาเรื่องดวงตาของราฟาที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ 
แต่เจ้าตัวกลับดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเพราะมั่นใจว่าท่านผู้เฒ่าจะต้องมีวิธีทำให้มันกลับมามองเห็นได้อย่างปกติ

*****************************


          “พี่เจย์ ดีใจจังเลย ได้เห็นหน้าสักที” ซายน์ทักขึ้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าเช้าวันนี้ เจย์มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย

          “นั่นซิ  กลับมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะได้เห็นหน้ากันนี่แหละ”  แซนด์แขวะ

          “ขอโทษจริง ๆ อะไร ๆ ก็เข้ามารวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ติด”  เจย์ที่ค่อนข้างเงียบอยู่แล้วกลับดูเป็นคนเงียบขรึม
ลงไปอีก

          “ล้อเล่นน่า พี่เจย์  เครียดไปได้ เรื่องดีจะตาย ได้เป็นถึงวายุเทพเชียวนะ”

          “นั่นซิ  โก้จะตาย... อ้าว..ท่านผู้เฒ่ากับราฟามาพอดี แล้วนี่โฟร์ทไปไหนซะล่ะจะได้ทานข้าวเช้าพร้อมหน้า
พร้อมตากันสักที”

          ราฟาที่ใช้ไม้เท้าเวทนำทาง  เดินตามหลังท่านผู้เฒ่ามาร่วมโต๊ะอาหาร  เมื่อรออยู่ครู่หนึ่ง โฟร์ทก็ยังไม่มา
ทุกคนจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันอย่างเงียบ ๆ   จนกระทั่งการรับประทานอาหารมื้อนี้จบลงด้วยเวทที่ทำให้
เหล่าจานชาม ลอยกลับไปยังห้องครัว และเริ่มจัดการทำความสะอาดตัวเองของซายน์

          “เอาละ... คงจะถึงเวลาสักที”  อยู่ ๆ ท่านผู้เฒ่าก็เอ่ยขึ้นมา ดึงความสนใจของทุกคนในโต๊ะอาหารให้กลับมา
สนใจอยู่ที่ท่านคนเดียว  “วันนี้พวกเรามีศึกใหญ่รออยู่  ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้ดี”

          “ศึกใหญ่  ที่นี่หรือครับ”  เจย์ตกใจ

           “ใช่....  ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร” ท่านผู้เฒ่าหันไปมองตาเจย์ “แต่ข้าก็เชื่อมั่นว่าเจ้า
ได้เลือกทางเดินที่ดีที่สุดแล้ว”

          “เรื่องอะไรกันครับเนี่ย”  แซนด์อดถามไม่ได้

          “พวกมันจะบุกมาที่นี่”   ราฟาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

         “ถูกต้องแล้ว”   คำตอบของท่านผู้เฒ่าเหมือนฟ้าฝ่าลงมาตรงหน้าของซายน์  แซนด์และเจย์

         “พะ..พะ..พวกมัน  มะ...หมายถึง  พวกของร็องดอร์งั้นหรือครับ”  แซนด์ถามตะกุกตะกัก

          “เป็นไปได้ยังไง  ในเมื่อท่านผู้เฒ่ากับราฟาอยู่ที่นี่มาตั้งสิบกว่าปี  พวกมันก็ไม่เคยหาที่นี่พบ หรือว่า...”
อยู่ ๆ ซายน์ก็อึ้งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุใด

          “ราฟา  หากเกิดเหตุคับขัน เจ้าคิดว่าเจ้าจะพาทุกคนไปที่ เกท ได้หรือไม่”

          “ครับ ท่านผู้เฒ่า”

          “อืม...เช้านี้อากาศดีจริง ๆ เราไปเดินเที่ยวที่นี่ให้ทั่วกันอีกสักครั้งดีมั้ย”   ท่านผู้เฒ่าถามด้วยใบหน้าที่
เปี่ยมไปด้วยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย

*****************************


         “พี่แซนด์ กลัวรึเปล่า”  น้องสาวกระซิบถาม  แล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่
ด้านหลังของท่านผู้เฒ่าที่ยืนอยู่หน้าสุด  เยื้องออกมาด้านซ้ายเป็นราฟา  และเจย์ที่ยืนอยู่ด้านขวา  ขณะนี้ทุกคน
มายืนรอต้อนรับแขกที่จะมาเยือน หลังจากได้เดินร่ำลาสถานที่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว  สองคนพี่น้องพยายามซึมซับ
บรรยากาศที่สวยงามทั้งหมดไว้ในความทรงจำ เพราะรู้กันดีว่าหากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง สถานที่แห่งนี้จะเปลี่ยน
สภาพไปเป็นเช่นไร

           “ไม่แล้วล่ะซายน์”  แซนด์ตอบจริงจัง  “อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิด พี่ไม่เคยรู้สึกมั่นใจ โล่งใจ
แบบนี้มาก่อนเลย”

          “คงเป็นเพราะเรามีท่านผู้เฒ่าอยู่ด้วย”

          แซนด์หันกลับมายิ้มให้น้องแทนคำตอบ  ก่อนจะหุบยิ้มแทบจะทันทีแล้วหันกลับไปมองยังต้นฟูลฟีลเชี่ยน
หนึ่งเดียวที่ยืนต้นเด่นอยู่ตรงหน้า  เมื่อเริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนก่อนที่มันจะค่อย ๆ แยกตัวออกเป็นทางเข้าให้
แขกผู้มาเยือนมากหน้าหลายตา

         “เป็นเธอจริง ๆ ด้วย”  น้ำเสียงผิดหวังจากปากของซายน์  เมื่อเห็นหญิงสาวที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทางในระยะ
เวลาสั้น ๆ  เดินนำหน้ากลุ่มคนประมาณยี่สิบคนผ่านประตูต้นฟูลฟีลเชี่ยนเข้ามา “ทำไม... ทำไมละโฟร์ท  ทำไม
ถึงทำอย่างนี้กับพวกเรา”

          “ขอโทษ ....ขอโทษคะ ... ขอโทษจริง ๆ”  น้ำเสียงสั่นพร่าด้วยแรงสะอื้นออกจากปากของโฟร์ท

          “ไม่น่าเลย  พวกเราไม่น่าช่วยเธอเอาไว้เลย ทั้งจากตัวแบร์มิวกี้นั่น หรือไม่ก็น่าจะปล่อยให้ตายไปที่เผ่าวิเพอรี่
เลยด้วยซ้ำ”  แซนด์ตะโกนด้วยความโกรธ

          “ฮือ..ฮือ...”  โฟร์ทยิ่งปล่อยโฮหนักกว่าเก่า “ข้าจำเป็น...ข้าจำเป็นต้องทำจริง ๆ”

          “ไม่สมกับเป็นแกเลยนะ ร็องดอร์  ถึงกับใช้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาเป็นสปายแบบนี้”  ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่
ราฟาก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย

          “ได้ข่าวว่าเจ็บหนักมาจากเผ่าวิเพอรี่ หายดีแล้วหรือไง ราฟา”  น้ำเสียงเหมือนจะเยาะเย้ยจากโลนอฟ

          “ข้าคิดไว้ไม่มีผิด ว่าพวกเจ้าจะต้องผ่านที่นั่นมาได้  แต่ยายนี่”  เคลอิ ตวัดสายตามองไปยังร่างโฟร์ทที่กำลัง
ยืนร้องไห้ตัวโยน  “เกือบจะทำให้แผนของข้าพลาดไปซะแล้ว” ธรณีเทพเว้นวรรคไปนิด ก่อนจะเอ่ยต่อ  “ไม่คิดว่า
จะขวัญอ่อนถึงขนาดช็อกไปเมื่อเจอกับงูยักษ์นากา  หากขาดยายนี่ไปสักคน  เราก็คงไม่เจอที่นี่ง่าย ๆ แบบนี้หรอก”

          “แสดงว่าที่เราเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  แต่เป็นฉากที่จัดขึ้นมา  ถ้าเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดที่เธอเล่าให้พวกเรา
ฟังก็เป็นเรื่องโกหกงั้นซิ”  แซนด์ตั้งใจจะถามโฟร์ท

          “มัน... มัน... คือว่า....”  โฟร์ทยังสะอึกสะอื้น  “ข้า... ข้า..จำเป็นต้องทำจริง ๆ เรื่องของเผ่าวีเฟอร์  ที่ข้าเล่า
ให้พวกท่านฟังเป็นเรื่องจริงทั้งหมด   ข้ากับท่านพ่อ ท่านแม่ หนีออกมาได้พร้อมกับโดโด้ แบร์มิวกี้ของบ้านข้า
แต่กลับมาโดนพวกมันจับได้  มันจับตัวท่านพ่อกับท่านแม่ข้าไว้  หากข้าไม่ทำตามที่มันสั่งมันก็จะฆ่าท่านทั้งสองคน 
ข้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ”

         “พวกแกมันเลวจริง ๆ ใช้ชีวิตคนเป็นเครื่องต่อรอง”  ซายน์เริ่มเห็นใจและหายโกรธ

         “คงต้องขอบคุณความมีน้ำใจของพวกเจ้าซินะ   ถึงทำให้ผลงานของข้าครั้งนี้ได้รับคำชมเชยจากท่านร็องดอร์”

         “ในเมื่อพวกแกเจอที่นี่ตามที่ต้องการแล้ว  ก็ปล่อยเธอไปซะ รวมทั้งพ่อแม่ของเธอด้วย ที่เหลือก็เป็นเรื่องของ
เราทั้งสองฝ่าย อย่าให้คนอื่นต้องมาเดือนร้อนไปด้วย”  ซายน์ต่อรอง

         “ปล่อยยายนี่เหรอ... ได้ซิ ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนี่นะ  แต่คนแก่สองคนนั่นข้าคงทำอย่างที่เจ้าบอก
ไม่ได้หรอก”

          “ทำไมละ  ทำไมไม่ปล่อยท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า.. เจ้าจะผิดสัญญาหรือไง”  โฟร์ทละล่ำละลักถาม

           “ก็พ่อแม่ของเจ้าตายไปหมดแล้วนะซิ”  โลนอฟเป็นคนตอบแทน

          “แก... แกฆ่าพวกท่าน  แก...เจ้าพวกชั่ว”  โฟร์ทแทบจะเสียสติกับข่าวที่ได้รับรู้  เธอกระโจนเข้าหาโลนอฟ
ซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด เพื่อหวังจะแก้แค้น ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอาวุธใด ๆ ในมือ

          “อย่า...โลนอฟ”  เคลอิตะโกนห้าม เมื่อเห็นว่าผู้ถูกเตือนทำท่าจะชักดาบที่ผูกอยู่ด้านหลังขึ้นมาจัดการกับ
หญิงสาวผู้สูญเสียบุพการี  “แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว อย่าให้รุนแรงขนาดนั้นเลย”

          “ฮึ...ท่านธรณีเทพผู้ใจบุญ...  จับตัวมันไป”   โลนอฟ อดกระแนะกระแหนไม่ได้ ก่อนจะหันไปสั่งให้ลูกน้อง
ที่ตามมาให้จับตัวโฟร์ทออกไป

          “อย่านะ”  ซายน์ตะโกน  ก่อนจะใช้เวท “เฮิลสโตน”    ทำให้บรรดาลูกหินในบริเวณนั้นพุ่งเข้าเล่นงาน
บรรดาลูกน้องที่กำลังรุมล้อมเข้ามาจับตัวโฟร์ท

          “ปล่อยเธอไป”   น้ำเสียงเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยอำนาจเอ่ยขึ้น  บรรดาคนที่รุมล้อมโฟร์ทถอยกลับไป
ประจำที่ของตัวเอง กลุ่มคนเหล่านั้นแหวกทางตรงกลางออกเป็นทางเพื่อให้ชายในชุดดำปกปิดหน้าตามิดชิด
เดินเข้ามา

          “ร็องดอร์”  ซายน์  แซนด์ และเจย์ เอ่ยออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน

          ซายน์กำมือแน่น  นัยน์ตาฉายแววโกรธเกรี้ยว  พยายามควบคุมอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาทันทีที่เห็นชายชุดดำ
ตรงหน้า  ภาพการต่อสู้ระหว่าง ราชินีเซ็นย่า หรือท่านยายของเธอ กับร็องดอร์กลับฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง  ภาพที่
ท่านยายถูกทำร้ายจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่  ภาพที่ท่านผู้เฒ่าต้องพาท่านแม่ระหกระเหเร่ร่อนหลบหนี  ภาพสุดท้าย
ที่ท่านยายของเธอต้องใช้เวทโบราณสูงสุดระเบิดตัวเองเพื่อปิดผนึกเมือง  คิดมาถึงตรงนี้เธอแทบจะทนไม่ได้
อยากจะฆ่าชายชุดดำตรงหน้านั้นให้ตายกับมือ

          “ไม่เจอกันนานนะ  ท่านผู้เฒ่า...  ท่าทางจะสบายดี”  ชายในชุดดำเอ่ยขึ้น  “ส่วนเจ้า...ยังไม่ได้ทำพิธีรับ
ตำแหน่ง  ข้าคงไม่ต้องทำความเคารพเจ้าในฐานะราชินีของเฮเวนน่าซินะ”   ประโยคหลังร็องดอร์  ตั้งใจพูดกับ
ซายน์โดยเฉพาะ

           “อย่ามัวเสียเวลาเลย   จะเอาอย่างไรก็ว่ามา”  ท่านผู้เฒ่าตัดบท

          “ฮึ...ฮึ...จะเอาอย่างไร  ไม่เห็นต้องถามเลย  ระดับท่านผู้เฒ่าของชาวเฮเวนน่า น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว”  เมื่อเห็น
อีกฝ่ายเงียบไม่ต่อปากต่อคำด้วย  ร็องดอร์ก็พูดต่อไป  “ส่งตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นกับผลึกแห่งแสงมา”

          “คิดว่าอยากจะได้ ก็ต้องได้ง่าย ๆ แบบนั้นหรือไง  พวกเราไม่ยอมให้แกเอาตัวซายน์ไปหรอก อย่าหวังเลย”
แซนด์ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว

           “ฮึ...ฮึ... ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังกล้าจะมาสู้กับข้า”   น้ำเสียงก้องกังวานเหมือนจะคำราม

          “ไฟร์เกล” แซนด์ตอบแทนคำดูถูกด้วยพายุเพลิงที่พัดโหมกระหน่ำเข้าใส่ทีมผู้มาเยือน โดยที่ไม่มีใครห้ามทัน

         ร็องดอร์  สะบัดผ้าคลุมเพียงนิดเดียว พายุเพลิงก็เปลี่ยนทิศทาง  หันกลับมาพุ่งเข้าใส่ทางฝั่งเจ้าของเวท
ทันที  แต่ท่านผู้เฒ่าซึ่งยืนอยู่หน้าสุด  เพียงแค่ยกไม้เท้ายื่นไปในอากาศก่อนจะร่ายเวทเบา ๆ สองสามคำ
พายุเพลิงก็สงบทันที  แต่นั่นก็ทำให้แซนด์ถึงกับหน้าถอดสี

          “เมื่อเจรจากันดี ๆ ไม่เป็นผล  ก็คงต้องใช้กำลัง”   สิ้นเสียงร็องดอร์ ก็เหมือนการประกาศสงคราม  บรรดา
ลูกน้องผู้รุกรานกรูเข้ามาเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม  แต่ก็เหมือนกับเอาชีวิตมาทิ้ง เพราะไม่ทันได้เข้าใกล้ตัวใคร
พวกมันก็พากันร้องโหยหวนเมื่อโดนฝนกรดเพราะเวท “เรนซิค”

           “เจ้าพวกโง่เอ๊ย...”   โลนอฟ ในฐานะผู้บัญชากองกำลัง ทำได้แต่สบถและส่ายหัวให้กับบรรดาลูกสมุน
นับสิบที่นอนตายเกลื่อน

*****************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น