ทันทีที่ซายน์ก้าวผ่านแสงสีทองส่องประกายจากต้นฟลูฟีลเชี่ยนซึ่งเป็นเสมือนประตูเข้าสู่บ้านที่ปลอดภัย
อย่างแรกที่เธอเห็นคือชายชราผอมสูงในชุดยาวสีขาว ผมที่ยาวถึงกลางหลังเป็นสีขาวเปล่งประกายท่ามกลาง
แสงแดด ยิ้มอบอุ่นที่ส่งมาให้เหมือนจะช่วยปลอบประโลมใจ
“ท่านผู้เฒ่า” ซายน์เอ่ยเรียก พยายามกลั้นเสียงสะอื้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปหา วินาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือน
ความทุกข์ใจทั้งหลายมลายหายไป ความโศกเศร้าความเสียใจเหมือนจะได้รับการเยียวยาเพียงแค่ได้เห็นหน้า
ชายชราตรงหน้า “ราฟา...ราฟา....” หลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูด อยากจะบอกแต่เหมือนกับมีก้อนอะไร
มาจุกอยู่ที่คอ ทำให้พูดไม่ออกได้แต่หันหลังกลับไปมองคนอื่น ๆ ที่กำลังเดินตามเข้ามา
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ราชินีน้อย ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
“โห...ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” โฟร์ทหันกลับไปพูดกับแซนด์และเจย์ซึ่งช่วยกันพยุงราฟาผ่านต้นฟูลฟีลเชี่ยน
เข้ามา ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจีแซมด้วยดอกไม้หลากสีสันที่แข่งกันชูช่อ ทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวกลับมีชีวิตชีวาขึ้น
“ท่านผู้เฒ่า” แซนด์และเจย์แทบจะเอ่ยออกมาพร้อม ๆ กัน เมื่อเห็นว่าชายชรามายืนรอรับถึงทางเข้าเช่นนี้
“เข้าบ้านกันก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน”
*****************************
“ราฟา~~~!” เสียงร้องด้วยความตกใจของซายน์
“ซายน์ ใจเย็น ๆ” แซนด์ตะโกนเตือน เมื่อเห็นว่าขณะนี้ดวงตาของซายน์เปลี่ยนเป็นสีม่วง และมีแสง
สีม่วงเข้มเปล่งประกายออกมาจากตัวของเธอ พร้อมกับมีลมพัดแรงหมุนวนรอบ ๆ ตัวจนทำให้เกิดฝุ่นตลบ
“แอคมิ....”
“ซายน์อย่า...” ยังไม่ทันที่ซายน์จะร่ายเวทจบ พี่ชายรีบฝ่าแรงลมรอบ ๆ ตัวเข้ามาห้ามเอาไว้ “ทำแบบนั้น
พวกเขาจะตายกันหมดนะ”
“แล้วที่พวกเขาทำกับเราล่ะ” ซายน์ซึ่งลดอารมณ์โกรธลงบ้างแล้วทำให้แรงลมหายไป แต่ดวงตาและ
แสงที่เปล่งประกายจากตัวยังคงอยู่ “พี่ดูที่เขาทำกับราฟาสิ”
“ถ้าเราฆ่าพวกเขาทั้งหมด เผ่าวิเพอรี่ก็จะต้องสูญสิ้นไป ทำแบบนั้นเราจะต่างอะไรกับพวกของร็องดอร์”
คำพูดที่เตือนสติของพี่ชายฝาแฝด ทำให้ซายน์เริ่มกลับสู่สภาพปกติ
“ข้าจะถือว่าสิ่งที่พวกท่านทำลงไป เพราะคำสั่งของคนชั่วพวกนั้น ขอให้ทุกอย่างจบลงแค่นี้ อย่าให้ต้อง
สูญเสียมากไปกว่านี้เลย”
“โธ่ ๆ คงไม่ได้หรอก... ถ้าปล่อยพวกเจ้าไป พวกเราก็ต้องตายอยู่ดี การสู้กับพวกเจ้าอาจมีทางรอดมากกว่า”
“พวกท่านบีบบังคับพวกเราเองนะ” แซนด์ขู่
“ดีวา~ วีเพอ~ อินโวค~ แอ๊บเพียร์~” หัวหน้าเผ่ารีบเรียกงูยักษ์นากาออกมา แต่ยังไม่ทันที่เจ้างูยักษ์
จะได้ทำอะไร ชายหัวล้านก็ค่อย ๆ ทรุดล้มลงไปนอนบนพื้นด้วยเวท “เพียซคัท” ของซายน์ เลือดสีแดงไหล
ออกจากหน้าอกส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง งูยักษ์นากาหายวับไปทันทีเมื่อผู้เรียกได้สิ้นลมหายใจ คนอื่น ๆ ในเผ่า
แตกฮือกระจัดกระจายเมื่อไร้ผู้นำ
“ไปซะ ถอยไปซะ อย่าให้เราต้องฆ่าใครอีกเลย” น้ำเสียงทรงอำนาจของซายน์ ทำให้คนในเผ่าทยอยหลีก
จนแหวกออกเป็นทางเดินให้ทั้งห้าคนเดินออกจากเผ่าวิเพอรี่ออกมา
*****************************
ท่านผู้เฒ่าลืมตา ปล่อยมือจากฝ่ามือของซายน์หลังจากใช้เวทดูภาพมายาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ก่อนจะเงยหน้าสบตาที่เอ่อไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ โดยมีแซนด์ เจย์และโฟร์ทนั่งหน้าเศร้าอยู่รอบ ๆ โต๊ะ
“ท่านผู้เฒ่า.. ท่านผู้เฒ่ารักษาราฟาได้ใช่มั้ยคะ” ซายน์พยายามกลั้นเสียงสะอื้นถามอย่างมีหวัง
“ไม่ต้องห่วงราชินีน้อย อย่างไรข้าก็ต้องหาทางรักษาราฟาให้เป็นปกติโดยเร็ว”
“แต่... แต่...ท่านผู้เฒ่าดูเหมือนจะไม่สนใจเลยนี่คะ แค่ให้เขาดื่มโฮลี่ รัชเทล แล้วก็นอนพักในห้อง
มันน่าจะมีวิธีหรือการรักษา หรืออะไรก็ได้ที่มากกว่านั้น..คือ..คือ...อย่างน้อยก็ใช้เวทไงคะ ใช้เวทช่วยรักษา....”
ซายน์ทำท่าจะพูดต่อยืดยาวถ้าไม่ถูกท่านผู้เฒ่าขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ
“อย่าห่วงเลยราชินีน้อย เชื่อข้าเถอะ ราฟาจะกลับมาเป็นปกติแน่นอน”
“ใจเย็น ๆ นะซายน์ ท่านผู้เฒ่าไม่ปล่อยให้ราฟาเป็นอะไรหรอก” เจย์ช่วยพูด
“ขอข้าดูสร้อยข้อมือของท่านได้หรือไม่” อยู่ ๆ ท่านผู้เฒ่าก็หันไปเอ่ยกับแซนด์ ก่อนที่พี่ชายฝาแฝดจะยื่นมือ
มาตรงหน้าชายชรา โดยที่ไม่ได้ถอดสร้อยออกจากข้อมือส่งให้ บอกเพียงแต่ว่าทำตามคำสั่งท่านแม่ที่ไม่ให้ถอด
สร้อยออกจากจากตัวเด็ดขาด ชายชราเอ่ยชมที่เขายังจดจำและยึดมั่นปฏิบัติตามคำสั่งสอนเป็นอย่างดี ก่อนจะ
เริ่มพิจารณาสร้อยรูปแมลงปอบนข้อมือของแซนด์
“ผลึกรูไทล์ ควอตซ์” แซนด์ทวนคำ หลังจากได้ยินท่านผู้เฒ่าเอ่ยเรียกชื่อผลึกบนตัวแมลงปอ
“ใช่...รูไทล์ ควอตซ์ หนึ่งในผลึกแห่งแสงทั้งหก” ชราหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ความกระจ่างต่อไป “แสดงว่า
ขณะนี้ผลึกแห่งแสงได้ปรากฏออกมาแล้วสามชิ้น คือ ผลึกสีเขียว คริสโซโคลลา ที่ร็องดอร์ได้ไปจากเผ่าคาร์มีล
ผลึกสีแดง สปีเนล จากเผ่าวิเพอรี่ และผลึกใสเปรียบกับแสงสีขาวที่อยู่กับเรา”
“ผลึกของคุณรูปปั้น” ซายน์เอ่ยขึ้นเบา ๆ เหมือนจะขอบคุณ
“ท่านผู้เฒ่าครับ แล้วลูกศรที่ฝังไปในตัวซายน์จะมีอันตรายอะไรรึเปล่าครับ” แซนด์เป็นห่วงน้อง
“อาวุธที่ระลึกจากข้า...” ท่านผู้เฒ่าเอสโทสทวนเสียงพูดของคุณรูปปั้น “ถ้าสิ่งที่ข้าคิดไม่ผิดพลาด
ลูกศรนั่นจะกลายเป็นอาวุธประจำตัวของท่าน...ราชินีน้อย”
“อาวุธประจำตัว” ซายน์ทวนคำงง ๆ “แล้วจะใช้ยังไงละคะ.. ซายน์ยังไม่รู้วิธีนำมันออกมาจากตัวเลย”
“ราชินีน้อยคงจะต้องลองหาวิธีด้วยตัวเอง” ท่านผู้เฒ่าเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้มาใหม่
จนทำให้โฟร์ทรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่มองเหมือนจะทะลุไปถึงข้างใน “ไปพักผ่อนกันเถอะ ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว”
“ซายน์ขอไปดูแลราฟานะคะ”
“อย่าเลยราชินีน้อย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คืนนี้เขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ รวมถึงทุก ๆ คนด้วย ขอให้
พักผ่อนให้เต็มที่ มีอะไรรอให้ทำอยู่อีกมากมาย”
“รออยู่...” แซนด์ทวนคำ “ท่านผู้เฒ่ามีงานอะไรให้พวกเราทำอีกหรือครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลย พักผ่อนให้สบายเถอะ ไป....ไปกันได้แล้ว” ท่านผู้เฒ่าเอ่ยไล่เบา ๆ ก่อนจะ
หันไปพูดกับเจย์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สำหรับท่านข้าขอคุยอะไรด้วยหน่อย เชิญตามข้ามาที่ห้อง” พูดจบท่านผู้เฒ่า
ก็เดินเลี่ยงออกไป
“เป็นความลับขนาดนั้นเชียว คุยเรื่องอะไรกันนะ อยากรู้รึเปล่า” แซนด์ตั้งใจจะหันกลับมาถามน้องสาว
ฝาแฝดเมื่อเห็นเจย์เดินตามท่านผู้เฒ่าไปติด ๆ แต่เมื่อหันกลับมาถึงเพิ่งรู้ว่าขณะนี้ตัวเองยืนอยู่คนเดียวในห้อง
เพราะซายน์และโฟร์ทเดินกลับห้องพักไปแล้ว “อ้าว!! ไปกันหมดเลย รอด้วยสิ”
*****************************
“พี่แซนด์... พี่สังเกตรึเปล่าว่าสองสามวันมานี่ พี่เจย์ดูเก็บเนื้อเก็บตัว เหมือนจะหลบหน้าหลบตาพวกเรา
ยังไงก็ไม่รู้”
“คิดมากน่าซายน์ เจย์คงอยากพักผ่อน ว่าแต่ราฟาเถอะ เป็นยังไงบ้าง”
“อาการอื่น ๆ ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่เรื่องการมองเห็น....”
“ไม่เป็นไรหรอก เชื่อพี่สิ ท่านผู้เฒ่าต้องจัดการทุกอย่างได้แน่นอน อีกไม่นานราฟาก็จะกลับมามองเห็น
เหมือนเดิม”
“ค่ะ... ซายน์เชื่อ” หญิงสาวส่งยิ้มสดใสให้พี่ชาย “เออใช่...พี่แซนด์เห็นโฟร์ทบ้างรึเปล่าคะ นี่ก็อีกคน
หายหน้าหายตาไปเหมือนพี่เจย์เลย”
“คงเดินเล่นแถว ๆ นี้แหละ เห็นบอกว่าชอบที่นี่มาก”
“ดู ๆ ไปโฟร์ทก็น่ารักเหมือนกันนะ.. พี่ว่ามั้ย” ซายน์ถามยิ้ม ๆ
“ยิ้มอะไร ไม่ต้องมาทำหน้าทะเล้นแบบนั้นเลย ไป ... จะไปดูแลราฟาไม่ใช่เหรอ รีบ ๆ ไปเลย” แซนด์
ดันหลังน้องให้เดินนำไป
“พี่แน่ใจนะว่าจะไปกับซายน์ ไม่ไปตามหาโฟร์ทเหรอ” น้องสาวยังกระเซ้าไม่เลิก
“ยังอีก ยังพูดเล่นอีก เดี๋ยวใครได้ยินเข้ามันไม่ดี เลิกพูดได้แล้ว ป่านนี้ราฟารอนางพยาบาลประจำตัวแย่แล้ว”
“นางพยาบาลอะไร พูดดี ๆ นะ”
“พูดแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดง นั่นแน่... โอ๊ย!! เจ็บนะ..จะตีทำไม เขินละสิ นั่นแน่ ๆ หน้าแดงใหญ่แล้ว
โอ๊ย!! “ เสียงร้องลั่นของพี่ชายฝาแฝดก่อนที่จะวิ่งหนีน้องสาวไปรอบ ๆ บ้าน
*****************************
“ท่านผู้เฒ่าครับ...เรื่องของเจย์”
“เจ้ารู้แล้วใช่มั้ยราฟา... ว่าเจย์คือ....”
“ครับ ท่านผู้เฒ่า.... เจย์คือหนึ่งในจตุเทพ ข้าเริ่มแปลกใจตั้งแต่ตอนฝึกใช้เวทใหม่ ๆ ว่าเขาสามารถ
ทำได้ดีพอ ๆ กับราชินีน้อย แต่เริ่มมั่นใจมากขึ้นตอนได้เห็นเขาใช้เวทเมื่อคราวต่อสู้กับงูยักษ์นากา เขาสามารถ
ควบคุมลม ฝนและอากาศได้”
“เมื่อครั้งที่เจ้าถามข้าเรื่องความสามารถในการใช้เวทของเจย์ ข้าก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาคือ วายุเทพ
มัวแต่คิดไปว่าเพราะสายเลือด”
“สายเลือด” ราฟาทวนคำ “ท่านผู้เฒ่าทราบมานานแล้วหรือครับว่าเขามีสายเลือดของชาวเฮเวนน่า”
“ใช่... เจ้าก็รู้จตุรเทพทั้งสี่ต้องมีสายเลือดของชาวเฮเวนน่าทั้งนั้น ทั้งเจ้า ทั้งเคลอิ ทั้งเจย์” ท่านผู้เฒ่า
เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ “มันไม่ใช่แค่นั้น แต่ยังมีเรื่องที่น่าตกใจยิ่งกว่ารอที่จะเปิดเผยอยู่”
ราฟานิ่งเงียบไม่ได้ถามอะไรต่อ ทั้ง ๆ ที่ค้างคาใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่า แต่เขาอยู่กับท่านผู้เฒ่ามานาน
นานจนพอจะรู้ว่าหากเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าจะบอกเขาเอง แต่ที่ท่านพูดเปรยไว้เฉย ๆ โดย
ไม่เอ่ยอะไรต่อก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลาที่เขาต้องรับรู้
“ใกล้เข้ามาแล้วราฟาเอ๋ย... เรากำลังมีศึกครั้งใหญ่” น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยหลังจากเงียบไปนานของท่านผู้เฒ่า
เจือไปด้วยความวิตกกังวล
*****************************
“อะไรนะ!!~ จริงหรือเปล่า พี่เจย์นี่เหรอ เป็นหนึ่งในจตุรเทพ” น้ำเสียงตื่นเต้นของซายน์
“ข้าจะโกหกท่านไปเพื่ออะไร ราชินีน้อย” ราฟาเป็นคนแจ้งข่าวนี้แก่ซายน์และแซนด์ ขณะที่ทั้งสามคน
กำลังนั่งคุยกันอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้าน ท่ามกลางแสงจันทร์ พี่น้องฝาแฝดรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใจกับเรื่อง
ที่ได้รับรู้ ต่างผลัดกันซักถามเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับการเป็นหนึ่งในจตุรเทพของเจย์
“มิน่าละ ตั้งแต่คุยกับท่านผู้เฒ่าวันนั้น ถึงไม่ค่อยเจอกับเจย์เลย ไม่ได้การแล้ว ต้องเรียกมาคุยกันหน่อย
- เจย์...เจย์ ได้ยินรึเปล่า นายอยู่ไหน มาคุยกับพวกเราหน่อยสิ” แซนด์ส่งกระแสจิตเรียกเจย์ แต่ก็ไม่มีการ
ตอบรับใด ๆ กลับมา
“เขาปิดกั้นกระแสจิตตัวเอง” ราฟาบอก “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เขากำลังฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อปลุกพลัง
ที่หลับอยู่ในตัว”
“พลังที่หลับอยู่ในตัว” แซนด์ทวนคำงง ๆ
ราฟาจึงไขข้อข้องใจโดยเริ่มอธิบายถึงการเป็นจตุรเทพว่า ไม่มีใครจะรู้ล่วงหน้าว่าใครได้ถูกกำหนดให้รับ
พลังอันพิเศษนี้ จตุรเทพทั้งสี่ประกอบไปด้วย เทพแห่งดิน ซึ่งจะเรียกกันว่า ธรณีเทพ เทพแห่งน้ำ คือธาราเทพ
เทพแห่งลมคือวายุเทพ และเทพแห่งไฟ อัคคีเทพ หน้าที่หลักของผู้ได้รับพลังพิเศษนี้ก็คือ การเป็นองครักษ์ชั้นสูง
ของราชินีแห่งเฮเวนน่า เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่เหตุการณ์ในสามอาณาจักรสงบเรียบร้อยพลังเหล่านี้ก็จะไม่ปรากฏ
ออกมา แต่หากเกิดความวุ่นวายหรือเหตุการณ์ร้ายแรง เมื่อนั้นจะมีคนสี่คนที่มีเชื้อสายของชาวเฮเวนน่าได้รับพลัง
พิเศษควบคุมธาตุเหล่านั้น และเมื่อเหตุการณ์ร้าย ๆ และวุ่นวายเหล่านั้นจบสิ้นไป ทั้งสี่คนก็จะกลายเป็นเพียง
ผู้ใช้เวทธรรมดาเหมือนคนทั่วไป แต่หากจตุรเทพคนใดมีอันต้องเสียชีวิตไปทั้ง ๆ ที่ภาระหน้าที่ยังไม่เสร็จสิ้น ก็จะ
มีผู้ได้รับเลือกคนใหม่มาทำหน้าที่แทน
“แสดงว่า เจย์ มีเชื้อสายของชาวเฮเวนน่าอยู่ด้วย” แซนด์เอ่ยถามเมื่อราฟาอธิบายให้ฟังอย่างคร่าว ๆ จบลง
“ข้อนี้ ข้าคงต้องตอบว่าใช่ แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่าจากที่ไหน อย่างไร”
“องครักษ์ชั้นสูงของราชินีแห่งเฮเวนน่าเหรอ” ซายน์เอะใจ “แล้วคนที่ท่านเรียกว่าธรณีเทพ ที่เราเจอเขา
ที่เผ่าวิเพอรี่ละ ทำไมถึงกลายไปเป็นพวกของร็องดอร์”
“เอ่อ....” คำถามของซายน์ทำเอาราฟาถึงกับอึ้งไป “มันอาจมีอะไรผิดพลาดนิดหน่อย ตามความคิดข้า
หากจตุรเทพคนใดคิดคดทรยศต่อราชินีของเฮเวนน่า คน ๆ นั้นน่าจะสูญสิ้นพลังพิเศษนี้ แต่นี่เจ้าเคลอิยังคง
ใช้พลังของจตุรเทพได้ ข้าก็เคยคำถามนี้กับท่านผู้เฒ่า แต่ท่านก็ไม่เคยให้คำตอบใด ๆ กลับมา”
“แล้วเทพแห่งไฟละ อัคคีเทพนะ อยู่ที่ไหนเหรอ” แซนด์ถาม แต่ราฟากลับส่ายศีรษะแทนคำตอบ ทั้งสาม
ยังนั่งสนทนากันไปเรื่อย ๆ ในอีกหลาย ๆ เรื่องราว รวมถึงปัญหาเรื่องดวงตาของราฟาที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้
แต่เจ้าตัวกลับดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเพราะมั่นใจว่าท่านผู้เฒ่าจะต้องมีวิธีทำให้มันกลับมามองเห็นได้อย่างปกติ
*****************************
“พี่เจย์ ดีใจจังเลย ได้เห็นหน้าสักที” ซายน์ทักขึ้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าเช้าวันนี้ เจย์มาร่วมโต๊ะอาหารด้วย
“นั่นซิ กลับมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะได้เห็นหน้ากันนี่แหละ” แซนด์แขวะ
“ขอโทษจริง ๆ อะไร ๆ ก็เข้ามารวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ติด” เจย์ที่ค่อนข้างเงียบอยู่แล้วกลับดูเป็นคนเงียบขรึม
ลงไปอีก
“ล้อเล่นน่า พี่เจย์ เครียดไปได้ เรื่องดีจะตาย ได้เป็นถึงวายุเทพเชียวนะ”
“นั่นซิ โก้จะตาย... อ้าว..ท่านผู้เฒ่ากับราฟามาพอดี แล้วนี่โฟร์ทไปไหนซะล่ะจะได้ทานข้าวเช้าพร้อมหน้า
พร้อมตากันสักที”
ราฟาที่ใช้ไม้เท้าเวทนำทาง เดินตามหลังท่านผู้เฒ่ามาร่วมโต๊ะอาหาร เมื่อรออยู่ครู่หนึ่ง โฟร์ทก็ยังไม่มา
ทุกคนจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหารกันอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งการรับประทานอาหารมื้อนี้จบลงด้วยเวทที่ทำให้
เหล่าจานชาม ลอยกลับไปยังห้องครัว และเริ่มจัดการทำความสะอาดตัวเองของซายน์
“เอาละ... คงจะถึงเวลาสักที” อยู่ ๆ ท่านผู้เฒ่าก็เอ่ยขึ้นมา ดึงความสนใจของทุกคนในโต๊ะอาหารให้กลับมา
สนใจอยู่ที่ท่านคนเดียว “วันนี้พวกเรามีศึกใหญ่รออยู่ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้ดี”
“ศึกใหญ่ ที่นี่หรือครับ” เจย์ตกใจ
“ใช่.... ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร” ท่านผู้เฒ่าหันไปมองตาเจย์ “แต่ข้าก็เชื่อมั่นว่าเจ้า
ได้เลือกทางเดินที่ดีที่สุดแล้ว”
“เรื่องอะไรกันครับเนี่ย” แซนด์อดถามไม่ได้
“พวกมันจะบุกมาที่นี่” ราฟาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ถูกต้องแล้ว” คำตอบของท่านผู้เฒ่าเหมือนฟ้าฝ่าลงมาตรงหน้าของซายน์ แซนด์และเจย์
“พะ..พะ..พวกมัน มะ...หมายถึง พวกของร็องดอร์งั้นหรือครับ” แซนด์ถามตะกุกตะกัก
“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อท่านผู้เฒ่ากับราฟาอยู่ที่นี่มาตั้งสิบกว่าปี พวกมันก็ไม่เคยหาที่นี่พบ หรือว่า...”
อยู่ ๆ ซายน์ก็อึ้งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุใด
“ราฟา หากเกิดเหตุคับขัน เจ้าคิดว่าเจ้าจะพาทุกคนไปที่ เกท ได้หรือไม่”
“ครับ ท่านผู้เฒ่า”
“อืม...เช้านี้อากาศดีจริง ๆ เราไปเดินเที่ยวที่นี่ให้ทั่วกันอีกสักครั้งดีมั้ย” ท่านผู้เฒ่าถามด้วยใบหน้าที่
เปี่ยมไปด้วยยิ้มอบอุ่นเช่นเคย
*****************************
“พี่แซนด์ กลัวรึเปล่า” น้องสาวกระซิบถาม แล้วกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่
ด้านหลังของท่านผู้เฒ่าที่ยืนอยู่หน้าสุด เยื้องออกมาด้านซ้ายเป็นราฟา และเจย์ที่ยืนอยู่ด้านขวา ขณะนี้ทุกคน
มายืนรอต้อนรับแขกที่จะมาเยือน หลังจากได้เดินร่ำลาสถานที่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว สองคนพี่น้องพยายามซึมซับ
บรรยากาศที่สวยงามทั้งหมดไว้ในความทรงจำ เพราะรู้กันดีว่าหากเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง สถานที่แห่งนี้จะเปลี่ยน
สภาพไปเป็นเช่นไร
“ไม่แล้วล่ะซายน์” แซนด์ตอบจริงจัง “อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้มันเกิด พี่ไม่เคยรู้สึกมั่นใจ โล่งใจ
แบบนี้มาก่อนเลย”
“คงเป็นเพราะเรามีท่านผู้เฒ่าอยู่ด้วย”
แซนด์หันกลับมายิ้มให้น้องแทนคำตอบ ก่อนจะหุบยิ้มแทบจะทันทีแล้วหันกลับไปมองยังต้นฟูลฟีลเชี่ยน
หนึ่งเดียวที่ยืนต้นเด่นอยู่ตรงหน้า เมื่อเริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนก่อนที่มันจะค่อย ๆ แยกตัวออกเป็นทางเข้าให้
แขกผู้มาเยือนมากหน้าหลายตา
“เป็นเธอจริง ๆ ด้วย” น้ำเสียงผิดหวังจากปากของซายน์ เมื่อเห็นหญิงสาวที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทางในระยะ
เวลาสั้น ๆ เดินนำหน้ากลุ่มคนประมาณยี่สิบคนผ่านประตูต้นฟูลฟีลเชี่ยนเข้ามา “ทำไม... ทำไมละโฟร์ท ทำไม
ถึงทำอย่างนี้กับพวกเรา”
“ขอโทษ ....ขอโทษคะ ... ขอโทษจริง ๆ” น้ำเสียงสั่นพร่าด้วยแรงสะอื้นออกจากปากของโฟร์ท
“ไม่น่าเลย พวกเราไม่น่าช่วยเธอเอาไว้เลย ทั้งจากตัวแบร์มิวกี้นั่น หรือไม่ก็น่าจะปล่อยให้ตายไปที่เผ่าวิเพอรี่
เลยด้วยซ้ำ” แซนด์ตะโกนด้วยความโกรธ
“ฮือ..ฮือ...” โฟร์ทยิ่งปล่อยโฮหนักกว่าเก่า “ข้าจำเป็น...ข้าจำเป็นต้องทำจริง ๆ”
“ไม่สมกับเป็นแกเลยนะ ร็องดอร์ ถึงกับใช้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาเป็นสปายแบบนี้” ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่
ราฟาก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแม้แต่น้อย
“ได้ข่าวว่าเจ็บหนักมาจากเผ่าวิเพอรี่ หายดีแล้วหรือไง ราฟา” น้ำเสียงเหมือนจะเยาะเย้ยจากโลนอฟ
“ข้าคิดไว้ไม่มีผิด ว่าพวกเจ้าจะต้องผ่านที่นั่นมาได้ แต่ยายนี่” เคลอิ ตวัดสายตามองไปยังร่างโฟร์ทที่กำลัง
ยืนร้องไห้ตัวโยน “เกือบจะทำให้แผนของข้าพลาดไปซะแล้ว” ธรณีเทพเว้นวรรคไปนิด ก่อนจะเอ่ยต่อ “ไม่คิดว่า
จะขวัญอ่อนถึงขนาดช็อกไปเมื่อเจอกับงูยักษ์นากา หากขาดยายนี่ไปสักคน เราก็คงไม่เจอที่นี่ง่าย ๆ แบบนี้หรอก”
“แสดงว่าที่เราเจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นฉากที่จัดขึ้นมา ถ้าเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดที่เธอเล่าให้พวกเรา
ฟังก็เป็นเรื่องโกหกงั้นซิ” แซนด์ตั้งใจจะถามโฟร์ท
“มัน... มัน... คือว่า....” โฟร์ทยังสะอึกสะอื้น “ข้า... ข้า..จำเป็นต้องทำจริง ๆ เรื่องของเผ่าวีเฟอร์ ที่ข้าเล่า
ให้พวกท่านฟังเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ข้ากับท่านพ่อ ท่านแม่ หนีออกมาได้พร้อมกับโดโด้ แบร์มิวกี้ของบ้านข้า
แต่กลับมาโดนพวกมันจับได้ มันจับตัวท่านพ่อกับท่านแม่ข้าไว้ หากข้าไม่ทำตามที่มันสั่งมันก็จะฆ่าท่านทั้งสองคน
ข้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ”
“พวกแกมันเลวจริง ๆ ใช้ชีวิตคนเป็นเครื่องต่อรอง” ซายน์เริ่มเห็นใจและหายโกรธ
“คงต้องขอบคุณความมีน้ำใจของพวกเจ้าซินะ ถึงทำให้ผลงานของข้าครั้งนี้ได้รับคำชมเชยจากท่านร็องดอร์”
“ในเมื่อพวกแกเจอที่นี่ตามที่ต้องการแล้ว ก็ปล่อยเธอไปซะ รวมทั้งพ่อแม่ของเธอด้วย ที่เหลือก็เป็นเรื่องของ
เราทั้งสองฝ่าย อย่าให้คนอื่นต้องมาเดือนร้อนไปด้วย” ซายน์ต่อรอง
“ปล่อยยายนี่เหรอ... ได้ซิ ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนี่นะ แต่คนแก่สองคนนั่นข้าคงทำอย่างที่เจ้าบอก
ไม่ได้หรอก”
“ทำไมละ ทำไมไม่ปล่อยท่านพ่อกับท่านแม่ของข้า.. เจ้าจะผิดสัญญาหรือไง” โฟร์ทละล่ำละลักถาม
“ก็พ่อแม่ของเจ้าตายไปหมดแล้วนะซิ” โลนอฟเป็นคนตอบแทน
“แก... แกฆ่าพวกท่าน แก...เจ้าพวกชั่ว” โฟร์ทแทบจะเสียสติกับข่าวที่ได้รับรู้ เธอกระโจนเข้าหาโลนอฟ
ซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด เพื่อหวังจะแก้แค้น ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอาวุธใด ๆ ในมือ
“อย่า...โลนอฟ” เคลอิตะโกนห้าม เมื่อเห็นว่าผู้ถูกเตือนทำท่าจะชักดาบที่ผูกอยู่ด้านหลังขึ้นมาจัดการกับ
หญิงสาวผู้สูญเสียบุพการี “แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียว อย่าให้รุนแรงขนาดนั้นเลย”
“ฮึ...ท่านธรณีเทพผู้ใจบุญ... จับตัวมันไป” โลนอฟ อดกระแนะกระแหนไม่ได้ ก่อนจะหันไปสั่งให้ลูกน้อง
ที่ตามมาให้จับตัวโฟร์ทออกไป
“อย่านะ” ซายน์ตะโกน ก่อนจะใช้เวท “เฮิลสโตน” ทำให้บรรดาลูกหินในบริเวณนั้นพุ่งเข้าเล่นงาน
บรรดาลูกน้องที่กำลังรุมล้อมเข้ามาจับตัวโฟร์ท
“ปล่อยเธอไป” น้ำเสียงเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยอำนาจเอ่ยขึ้น บรรดาคนที่รุมล้อมโฟร์ทถอยกลับไป
ประจำที่ของตัวเอง กลุ่มคนเหล่านั้นแหวกทางตรงกลางออกเป็นทางเพื่อให้ชายในชุดดำปกปิดหน้าตามิดชิด
เดินเข้ามา
“ร็องดอร์” ซายน์ แซนด์ และเจย์ เอ่ยออกมาแทบจะพร้อม ๆ กัน
ซายน์กำมือแน่น นัยน์ตาฉายแววโกรธเกรี้ยว พยายามควบคุมอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาทันทีที่เห็นชายชุดดำ
ตรงหน้า ภาพการต่อสู้ระหว่าง ราชินีเซ็นย่า หรือท่านยายของเธอ กับร็องดอร์กลับฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่
ท่านยายถูกทำร้ายจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ภาพที่ท่านผู้เฒ่าต้องพาท่านแม่ระหกระเหเร่ร่อนหลบหนี ภาพสุดท้าย
ที่ท่านยายของเธอต้องใช้เวทโบราณสูงสุดระเบิดตัวเองเพื่อปิดผนึกเมือง คิดมาถึงตรงนี้เธอแทบจะทนไม่ได้
อยากจะฆ่าชายชุดดำตรงหน้านั้นให้ตายกับมือ
“ไม่เจอกันนานนะ ท่านผู้เฒ่า... ท่าทางจะสบายดี” ชายในชุดดำเอ่ยขึ้น “ส่วนเจ้า...ยังไม่ได้ทำพิธีรับ
ตำแหน่ง ข้าคงไม่ต้องทำความเคารพเจ้าในฐานะราชินีของเฮเวนน่าซินะ” ประโยคหลังร็องดอร์ ตั้งใจพูดกับ
ซายน์โดยเฉพาะ
“อย่ามัวเสียเวลาเลย จะเอาอย่างไรก็ว่ามา” ท่านผู้เฒ่าตัดบท
“ฮึ...ฮึ...จะเอาอย่างไร ไม่เห็นต้องถามเลย ระดับท่านผู้เฒ่าของชาวเฮเวนน่า น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว” เมื่อเห็น
อีกฝ่ายเงียบไม่ต่อปากต่อคำด้วย ร็องดอร์ก็พูดต่อไป “ส่งตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นกับผลึกแห่งแสงมา”
“คิดว่าอยากจะได้ ก็ต้องได้ง่าย ๆ แบบนั้นหรือไง พวกเราไม่ยอมให้แกเอาตัวซายน์ไปหรอก อย่าหวังเลย”
แซนด์ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ฮึ...ฮึ... ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังกล้าจะมาสู้กับข้า” น้ำเสียงก้องกังวานเหมือนจะคำราม
“ไฟร์เกล” แซนด์ตอบแทนคำดูถูกด้วยพายุเพลิงที่พัดโหมกระหน่ำเข้าใส่ทีมผู้มาเยือน โดยที่ไม่มีใครห้ามทัน
ร็องดอร์ สะบัดผ้าคลุมเพียงนิดเดียว พายุเพลิงก็เปลี่ยนทิศทาง หันกลับมาพุ่งเข้าใส่ทางฝั่งเจ้าของเวท
ทันที แต่ท่านผู้เฒ่าซึ่งยืนอยู่หน้าสุด เพียงแค่ยกไม้เท้ายื่นไปในอากาศก่อนจะร่ายเวทเบา ๆ สองสามคำ
พายุเพลิงก็สงบทันที แต่นั่นก็ทำให้แซนด์ถึงกับหน้าถอดสี
“เมื่อเจรจากันดี ๆ ไม่เป็นผล ก็คงต้องใช้กำลัง” สิ้นเสียงร็องดอร์ ก็เหมือนการประกาศสงคราม บรรดา
ลูกน้องผู้รุกรานกรูเข้ามาเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม แต่ก็เหมือนกับเอาชีวิตมาทิ้ง เพราะไม่ทันได้เข้าใกล้ตัวใคร
พวกมันก็พากันร้องโหยหวนเมื่อโดนฝนกรดเพราะเวท “เรนซิค”
“เจ้าพวกโง่เอ๊ย...” โลนอฟ ในฐานะผู้บัญชากองกำลัง ทำได้แต่สบถและส่ายหัวให้กับบรรดาลูกสมุน
นับสิบที่นอนตายเกลื่อน
*****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น