นี่แหละฉัน

รูปภาพของฉัน
Thailand
"ตัวฉัน คนอย่างตัวฉัน ใครจะมาสนใจ..." อิอิ.. รักเสียงเพลง บรรเลงตัวหนังสือ... ชอบอ่าน ชอบเขียน......
"หนังสือ" คือเพื่อนที่ปรารถนาดีที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ... เพราะในชีวิตยังมีเพื่อนดี ๆ ให้เจออีกเยอะ

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 7 คำทำนาย

 

 

          “เจ้าเป็นใคร”  น้ำเสียงทรงพลังทำให้เหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ ตรงหน้าชะงักลง ต่างถอยกลับมาอยู่
ณ ที่ตั้งของฝ่ายตนเอง เกิดการยืนประจันหน้ากันระหว่างสองฝ่ายอย่างชัดเจน นกฟีนิกส์ตัวใหญ่พอ ๆ กับ
นกอินทรีตัวโต ๆ  กางปีกสีทองอมส้มเป็นประกายบินโฉบฉวัดเฉวียนไปมาระหว่างทั้งสองฝ่าย

          “ราชินีเซ็นย่า เสด็จมาด้วยตัวเองเช่นนี้ นับเป็นเกียรติของข้านัก”  ชายชุดดำมีผ้าคลุมกำมะหยี่ยาว
ถึงพื้นและมีฮู้ดสีดำปกปิดหน้าตามิดชิด เอ่ยด้วยความสุภาพ  แต่เป็นการแสดงที่ทุกคนดูออกว่าเป็นการ
ล้อเลียนมากกว่าจะเป็นการเคารพด้วยความจริงใจ

          “ข้าต้องการรู้ว่าเจ้าเป็นใคร  และทำไมถึงต้องเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นนี้”  น้ำเสียงทรงอำนาจถามขึ้น
ด้วยความไม่พอใจ

          “นามของข้า คือ  ร็องดอร์  ชายชุดดำตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แต่ก้องกังวานเหมือนอยากให้
ทุกคนในเหตุการณ์ได้รับรู้และจดจำชื่อนี้เอาไว้   “และหากจะถามถึงเหตุผลที่ต้องมาเฮเวนน่าในวันนี้  ก็มี
เพียงคำตอบเดียวที่ต้องให้ท่านทราบว่า  ข้าต้องการครอบครองอำนาจในมือท่าน” ร็องดอร์หยุดครู่หนึ่ง
ก่อนจะเน้นเสียงให้ชัดเจนขึ้น  “ครอบครองเฮเวนน่าทั้งหมด”

          “น่าขำสิ้นดี   เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้โอหังเช่นนี้”   ราชินีเซ็นย่ายังคงเอ่ยด้วยความสงบนิ่ง 
ไม่มีอาการตกใจแต่อย่างใด “ฟอน”   นางเรียกนกฟีนิกส์สัตว์เลี้ยงประจำตัวให้โฉบลงมาเกาะอยู่บน
ท่อนแขนของนาง

          “ตอนนี้ดินแดนแลนด์เดียร์ว่าก็อยู่ในมือของข้า  ท่านคิดว่าคนอย่างข้ามีดีพอที่จะครอบครองที่นี่
หรือยัง”  หลังจากร็องดอร์พูดจบ เกิดเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นจากคนของฝ่ายเฮเวนน่า

          “แลนด์เดียร์ว่า งั้นหรือ เจ้าทำอะไรกับท่านราชาฟีเบล”  ราชินีเซ็นย่ามีอาการตกใจให้เห็นเป็นครั้งแรก

          “ฮึ…ฮึ”  ร็องดอร์แค่นเสียงหัวเราะ  “เจ้าแก่ไร้น้ำยาเช่นนั้น ท่านคงไม่คิดว่าข้าจะต้องลงมือ
ด้วยตนเองหรอกนะ  แค่คนของข้าไม่กี่คน อำนาจทั้งหมดของแลนด์เดียร์ว่าก็อยู่ในมือข้าแล้ว”

          “ทำไม.. ทำไมถึงไม่มีข่าวรายงานเรื่องเจ้ายึดแลนด์เดียร์ว่าเลย” ราชินีเซ็นย่าพึมพำบ่นกับตัวเอง
ก่อนจะกล่าวต่อไป “ราชาฟาร์เลคแห่งริเวียร์ร่าคงยังไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันซินะ”  ราชินีเซ็นย่าเริ่มควบคุม
อารมณ์ตนเองอีกครั้ง  พร้อม ๆ กับเริ่มประเมินศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
 
         “ท่านคงไม่คาดคิดซิว่า จะมีใครกล้ายึดครองเมืองทั้งสาม  หรือถึงมีใครสักคนคิด ท่านก็คงคิดว่าไม่มี
โอกาสทำสำเร็จ  แต่วันนี้… วันนี้ ข้าจะทำให้ท่านได้เห็นเอง”  ร็องดอร์กล่าวตอบ

         “มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ  ยังไงข้าก็ต้องปกป้องเฮเวนน่าจากน้ำมือคนชั่วอย่างเจ้าให้ได้” 
ราชินีเซ็นย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันไม่สมกับวงหน้าหวานแม้แต่นิดเดียว   ขณะเดียวกันฟอนเริ่มกางปีก
บินทะยานไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

          “ถ้าเช่นนั้น เราคงต้องมาดูกันสักทีว่า ข้าจะทำได้หรือเปล่า”  พูดจบร็องดอร์หันไปพยักหน้าให้
ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลัง  และก่อนที่ทุกคนจะไปถึงตัวของฝ่ายตรงข้าม  ทั้งหมดก็กระเด็นกระดอนกลับมา
นอนระเกะระกะอยู่ข้างหลังของร็องดอร์

          “ฮึ…  ไม่ธรรมดาจริง ๆ สมกับเป็นราชินีของเฮเวนน่า”

           “ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นต้องเดือนร้อน  หากเจ้าต้องการต่อสู้จริง ๆ ข้าขอให้เจ้ากับข้าสู้กันตัวต่อตัว
ที่จตุรัสประลองเวท  เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ตัวเมือง”   ราชินีเซ็นย่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงข้อร้อง
“หากผลเป็นเช่นไร ก็ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น ท่านเห็นด้วยหรือไม่”

          "จตุรัสประลองเวทงั้นรึ”  น้ำเสียงร็องดอร์แสดงความไม่แน่ใจ  ก่อนจะหันไปมองหาครูเอล ซึ่งบัดนี้
ยืนอยู่ไม่ไกล  “เจ้าใช่มั้ยที่เป็นคนของเฮเวนน่าที่มาอยู่กับเรา”

          “ครับ ท่านร็องดอร์”  ครูเอลตอบด้วยน้ำเสียงประหม่าไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า 
รวมถึงไม่กล้าแม้จะสู้สายตาของฝ่ายตรงข้ามที่มองมา

          “ข้าอยากรู้เรื่องจตุรัสประลองเวท”

          “จตุรัสประลองเวท อยู่ทางด้านหลังของเมือง  เป็นพื้นที่ราบกว้างใหญ่  มีไว้เพื่อให้ชาวเมืองในเฮเวนน่า
ฝึกฝนการใช้เวทมนตร์ โดยไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น”  ครูเอลให้คำตอบ

           “ข้าอยากรู้ว่า ที่นั่นมันมีเวทอะไรพิเศษในการปกป้องคนของเฮเวนน่าหรือเปล่า”  ร็องดอร์ยังคงสงสัย

          “ที่นั่นมีเพียงตาข่ายเวท  ไว้ป้องกันไม่ให้การใช้เวทที่รุนแรงขยายวงกว้างมากระทบถึงชาวเมือง
การใช้เวทในจัตุรัสประลองเวท จะถูกตาข่ายเวทดักไว้ไม่ให้พลังออกมาทำร้ายผู้อื่น”  ครูเอลยังคงก้มหน้า
ก้มตาตอบคำถาม

         “เช่นนั้น ถ้าข้ากับนางจะต่อสู้กันก็ไม่เป็นการเสียเปรียบซินะ”

          “ครับ”

          “ก็ได้  ราชินีเซ็นย่า การต่อสู้ตัวต่อตัวของเรา ที่จตุรัสประลองเวท”  ร็องดอร์ตะโกนตอบไป

         “ข้ามีเรื่องขอร้องท่านอีกเรื่อง”

          “ข้าว่าท่านอย่าซื้อเวลาให้มันยืดเยื้อต่อไปอีกเลย หรือท่านกลัวที่จะต่อสู้กับข้าราชินีแห่งเฮเวนน่า” 
ร็องดอร์ประกาศก้องด้วยน้ำเสียงเหมือนประกาศชัยชนะ

          “เปล่าเลย  ข้าเพียงต้องการขอเวลา สองสามชั่วโมงเพื่อจัดการเรื่องบางอย่างไม่ให้ค้างคาใจ” 
ราชินีเซ็นย่ายิ้มอย่างใจเย็นก่อนจะเอ่ยต่อ  “หากผลการต่อสู้ครั้งนี้ท่านเป็นฝ่ายกำชัยชนะ คนของเฮเวนน่า
จะได้ทำตามข้อตกลงของเรา  หรือว่าท่านกลัวว่าชั่วเวลาเพียงไม่นานนี้ ข้าจะวางแผนตุกติก หรือคิด
ไม่ซื่อกับท่าน”

          “ฮ่ะ…ฮ่ะ…ฮ่ะ   ข้าเชื่อในเกียรติของท่าน  ราชินีแห่งเฮเวนน่า  ก็ได้… ก็ได้ … เวลาเพียงเล็กน้อยแค่นี้ 
ข้าสามารถให้ท่านใช้เป็นวาระสุดท้ายเพื่อสั่งเสียกับทุกคนได้อย่างเต็มที่  ข้าจะเป็นฝ่ายไปรอรับการ
ปรากฏตัวของท่านที่จตุรัสประลองเวทเอง”

******************************

 
        “ราชินีเซ็นย่า  ท่านจะไปที่จตุรัสประลองเวทเพื่อต่อสู้กับเจ้านั่นจริง ๆ หรือ”

          “ท่านผู้เฒ่าเอสโทส  ก่อนที่ข้าจะพูดอะไรออกไป ข้าคิดไตร่ตรองดีแล้ว หากไม่ไปที่นั่น  ทุกคน
ในเมืองต้องเดือนร้อนจะเกิดการสูญเสียอีกมาก”  ราชินีเซ็นย่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

          “ข้าดูออกว่าท่านดูเป็นกังวล  ท่านกลัวจะสู้มันไม่ได้เช่นนั้นหรือ”  ท่านผู้เฒ่าพูดพลางจับจ้องไป
ที่ใบหน้าของผู้เป็นราชินี

          “เรื่องที่ข้ากลัว ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกท่านผู้เฒ่า”  ราชินีเซ็นย่าเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เป็นวิตกกังวล 
ก่อนจะจ้องมองตาท่านผู้เฒ่าก่อนจะเอ่ยมาเบา ๆ แต่ทำให้ท่านผู้เฒ่าถึงกับนิ่งไป “คำทำนายนั่น”

          “ท่าน… ท่านราชินี  ท่านคงไม่คิดว่า…..”  เสียงผู้เฒ่าเอสโทสเริ่มมีอาการวิตกกังวล

          “ใช่…  เรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อน”  สายตาของราชินีเซ็นย่าเหม่อมองไกลออกไป  “ตอนที่เราทำพิธี
รับฟอนเป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัวของข้าอย่างเป็นทางการ ณ ลานศักดิ์สิทธิ์  ในวันที่แจ่มใส แต่อยู่ ๆ ก็มี
ลมแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ก่อนจะเกิดแสงสว่างจากท้องฟ้าสาดส่องไปยังแท่นพิธี  ข้ายังจำได้  มีชายแก่
คนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้จัก  ถือโอกาสตอนทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เดินเข้ามายังแท่นพิธี 
ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำทำนายนั่น แล้วล้มลงขาดใจตาย”   เสียงราชินีเซ็นย่าขาดหายไป  พร้อมกับสีหน้า
เศร้าสลด ถอนหายใจเบา ๆ   “ข้าหวาดกลัวคำทำนายนั่นจับใจ  แต่ท่านก็ปลอบประโลมว่าเป็นเพียง
เรื่องเหลวไหล ของชายสติฟั่นเฟือน  แต่ไม่เลย…  ท่านรู้มั้ยว่า เสียงนั่น  คำทำนายนั่นยังคงวนเวียนอยู่
ในโสตประสาทของข้าตลอดมา หลายปีที่ผ่านมา อาจจะมีบางช่วงที่มันจางหายไปบ้าง แต่เมื่อไรที่ข้า
ต้องอยู่คนเดียว คำทำนายนั่นก็กลับมาอีก และไม่เคยมีครั้งใดที่ทำให้ข้ารู้สึกถึงคำทำนายได้รุนแรงเท่า
เหตุการณ์ในตอนนี้เลย”   เมื่อนางพูดจบ ฟอนที่เกาะอยู่บนขอนไม้สีดำแวววาวข้าง ๆ เก้าอี้ที่ประทับ
ของนางก็ส่งเสียงร้องที่ไพเราะเสมือนบทเพลงแว่วมาเบา ๆ

          “แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว  ท่านไม่ควรเก็บมาคิดอีก”  ผู้เฒ่าเอสโทสตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น 
พยายามบังคับไม่ให้ราชินีเซ็นย่าจับได้ว่าตนเองก็กำลังหวาดวิตกเช่นกัน  อันที่จริงตั้งแต่เกิดเรื่อง ณ วันนั้น
ท่านผู้เฒ่าเอสโทสไม่เคยลืมข้อความในคำทำนายนั่นเลย  คิดไว้แล้วว่าสักวันคงมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น
และคงไม่สามารถหาทางป้องกันได้  ทุกอย่างคงเป็นไปตามคำทำนาย เพียงแต่ว่าเหตุการณ์นั้นมันจะมาถึง
เมื่อไหร่เท่านั้นเอง  ถึงแม้ตนเองจะเป็นผู้หยั่งรู้ของเฮเวนน่า  แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่พลังพิเศษจะสัมผัสได้
และวันนี้  อาจเป็นวันนี้ตามที่ราชินีเซ็นย่าบอก อาจจะเป็นวันนี้ วันที่คำทำนายนั่นกล่าวไว้  ถ้าเป็นเช่น
คำทำนาย จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

          “ท่านก็ยังจำมันได้   ใช่หรือไม่”  ราชินีเซ็นย่าจ้องหน้าท่านผู้เฒ่าเพื่อรอฟังคำตอบ

          “ข้า….  ข้ายังจำได้ ท่านราชินีเซ็นย่า”

           “ท่านช่วยกล่าวให้ข้าฟังอีกครั้ง  ได้โปรดท่านผู้เฒ่า ให้ข้าฟังอีกครั้ง ให้ข้าได้มั่นใจในสิ่งที่ข้ากำลังจะกระทำ”

           ผู้เฒ่าเอสโทส ก้มหน้า  ถอนหายใจ  และตัดสินใจเอื้อนเอ่ยคำทำนายนั่นออกมา

                            เมื่อศัตรู ผู้รุกราน    บุกหาญกล้า  
                             ราชินี ร่วมคำท้า    ประลองผล  
                             ปกป้อง อาณาจักร    ให้รอดพ้น
                             สละตน เกิดเวท      วิเศษกาล

                            อาณาจักร เฝ้ารอ    ผู้กอบกู้
                            ทายาท ที่เหลืออยู่   ต้องประสาน
                            รวมผลึก ผู้กล้า      ปราบรุกราน
                            ผู้ก่อการ ความชั่วร้าย   พ่ายแพ้ตน

                            ด้วยเลือดเนื้อ เชื้อไข   ที่ไกลห่าง
                            สละร่าง ยึดประโยชน์   ด้วยเหตุผล
                            เพื่อดินแดน ทั้งสาม   ผ่านทุกข์ทน
                            ร่วมอยู่ยิ่ง ยั่งยืนยง   ตราบแสนนาน

******************************

          “มาแล้วรึท่านราชินี  ข้านึกว่าท่านกลัวจนต้องหนีไปจากเฮเวนน่าแล้ว” ร็องดอร์เอ่ยขึ้นเมื่อท้องฟ้า
บริเวณจตุรัสประลองเวทเริ่มปั่นป่วน  เมฆก้อนใหญ่แผ่ปกคลุมเหนือท้องฟ้าบดบังแสงจากดวงอาทิตย์
หน้าร้อน จนทำให้ทั่วบริเวณเริ่มมืดครึ้มเหมือนจะมีพายุใหญ่  เกิดลมแรงพัดฝุ่นคละคลุ้งกระจายไปทั่ว
บรรดาลูกสมุนของร็องดอร์ ต้องยกมือป้องตาไว้  แต่ก็ไม่มีใครเห็นร่างของราชินีเซ็นย่าแม้แต่คนเดียว

          “ข้ามิใช่คนขลาดกลัว เจ้าน่าจะรู้ข้อนี้ดี”  น้ำเสียงราชินีเซ็นย่าดังมาก่อนจะปรากฏตัวให้เห็นว่า
ขณะนี้นางยืนอยู่เพียงลำพัง ณ จุดกึ่งกลางของจตุรัสประลองเวท   ฝุ่นเริ่มจางหายเมื่อแรงลมกลับมา
เป็นปกติ  เหลือเพียงแต่ท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้ม  ฟอนบินไปมารอบนอกของจตุรัสประลองเวท เห็นเป็น
แสงสีทองระยิบระยับไกลออกไป

          “ท่านคงสั่งเสียกับลูกสาวสุดที่รักทั้งสองเรียบร้อยแล้วสินะ  แต่ข้าว่าอันที่จริงท่านไม่ต้องเป็นห่วง
พวกนางก็ได้ เพราะอีกไม่นานหลังจากข้าจัดการท่านแล้ว  พวกนางก็คงตามท่านไปเช่นกัน”

         “เจ้าไม่มีวันได้แตะต้องแม้แต่ปลายเล็บพวกนาง”  ราชินีเซ็นย่าตวาดกลับไปอย่างโกรธจัด

         ลูกสมุนของร็องดอร์เริ่มพากันถอยห่างออกจากหัวหน้าของตนเอง  เมื่อเห็นว่าขณะนี้รอบ ๆ ตัวราชินี
เซ็นย่ามีรังสี สีม่วงเข้มเปล่งประกายกระจายล้อมร่างนางไว้ ส่วนร็องดอร์ยังคงสงบนิ่งไม่มีท่าทางหวั่นเกรง
สตรีตรงหน้า ด้วยมั่นใจในฝีมือของตนเองว่าจะสามารถปราบราชินีแห่งเฮเวนน่าได้

          "ถึงเวลาต้องลาจากกันซะที”  ร็องดอร์กล่าวขึ้นมาลอย ๆ ก่อนจะใช้มือขวาจับไปที่หัวเข็มขัด
กระตุกเบา ๆ เพียงครั้งเดียว จึงได้เห็นว่าเข็มขัดนั้นแท้จริงแล้วคือ แส้สีดำสนิท  ยาวประมาณสี่เมตร ซึ่งเขา
พันมันไว้รอบเอว

          ราชินีเซ็นย่ายังคงยืนนิ่ง สายตาสงบเยือกเย็นไม่มีอาการหวั่นไหวต่อเหตุการณ์ตรงหน้าแต่อย่างใด 
นางรอให้ฝ่ายตรงข้ามได้ลงมือก่อน เพื่อจะประเมินพลังในการต่อสู้ของศัตรูที่นางไม่เคยรู้จัก  ถึงอย่างไร
นางก็รู้ผลการประลองในครั้งนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เฮเวนน่าจะต้องคงอยู่ ถึงไม่ใช่นางที่เป็น
ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้  แต่ก็ต้องไม่ใช่ศัตรูผู้รุกรานตรงหน้าแน่ ๆ  ยิ่งคิดถึงคำทำนายนั่น นางก็ยิ่งมั่นใจ 
ในท้ายที่สุดหากไม่มีทางเลือกอื่นใด  นางยังคงมีทางเลือกสุดท้ายไว้ในใจแล้ว

          “ควับ..!”  ร็องดอร์ขยับแส้ตวัดฟาดผ่านอากาศตรงหน้า  เกิดประกายสว่างจ้าแลบเป็นทางตามแส้
ที่สะบัดผ่านไป  “ฮึ...ฮึ”  สายตาเย้ยหยันของร็องดอร์จ้องไปยังหน้าของราชินีผู้สูงศักดิ์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น
สายตาที่ดุดันในทันที  พร้อม ๆ กับแส้ในมือที่ตวัดฟาดไปยังร่างของคู่ต่อสู้ฝั่งตรงข้ามซึ่งยังคงยืนนิ่งมองดู
ภาพตรงหน้า แต่ไม่มีท่าทางที่จะหลบการโจมตีแต่อย่างใด  นางเพียงสะบัดมือทำท่าเหมือนปัดอากาศตรงหน้า 
เพียงเท่านั้นแส้ที่กำลังพุ่งตรงมาที่นางก็เปลี่ยนทิศทางฟาดไปด้านข้างของนางแทน

          ร็องดอร์ยังไม่หยุดการโจมตีเพียงแค่นั้น  เขากลับสะบัดแส้เข้าใส่นางอย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว
และรุนแรงยิ่งขึ้น แต่นางก็ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ โดยเปลี่ยนมาใช้สองมือสะบัดเพื่อปัดป้องการโจมตีที่เร็วยิ่งขึ้น
อย่างไม่หยุดหย่อนนั้นเช่นกัน

          “ทำไมท่านไม่ตอบโต้ข้าล่ะ”  ร็องดอร์หยุดฟาดแส้ แล้วตะคอกถามราชินีเซ็นย่าอย่างขุ่นเคือง

          “แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะลงมืออย่างจริงจังซะที   ข้าอยากเห็นฝีมือที่แท้จริงของเจ้ามากกว่า”  ราชินีเซ็นย่า
กล่าวเรียบ ๆ

           “ได้....เจ้าจะได้รู้จักข้าดียิ่งขึ้นแน่นอน”   พูดจบร็องดอร์ตวัดแส้กลับมาที่ตัวเองเบา ๆ   ก่อนที่มันจะ
กลับมาพันเก็บอยู่ที่เอวของเขาเหมือนเคย  จากนั้นร็องดอร์เป็นฝ่ายเริ่มต้นโจมตีอีกครั้ง  “ไฟร์เกล”    เขา
ร่ายเวทออกมาเบา ๆ พร้อมกับยกมือทั้งสองประสานกันตรงหน้า  เกิดเป็นพายุเพลิงโหมกระหน่ำเข้าใส่
ราชินีเซ็นย่าโดยไม่ทันตั้งตัว  

           ด้วยความรุนแรงและเกินความคาดหมายของราชินีเซ็นย่า   ทำให้นางเกิดอาการประหลาดใจและ
ตกใจพอ ๆ กัน กว่าที่นางจะหายจากอาการตกตะลึงนั้นพายุเพลิงก็จวนจะถึงตัวนางแล้ว  “บาเว็ท”   ทันที
ที่นางร่ายเวทจบเกิดกำแพงน้ำหนากั้นนางไว้จากพายุเพลิงนั่น แต่มันช่วยนางได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
กำแพงน้ำที่นางใช้ไม่สามารถลดแรงปะทะของพายุเพลิงที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรงได้มากนัก
เพราะความล่าช้าในการป้องกัน  นางถูกพายุเพลิงที่ลดทอนความรุนแรงลงบ้างแล้วปะทะเข้ากับร่าง ทำให้
นางกระเด็นถอยหลังไปจากจุดที่ยืนอยู่เป็นระยะทางไกล

          “เจ้า….เจ้าใช้เวทได้…. เจ้ามีเชื้อสายจากเฮเวนน่าหรือนี่”  ราชินีเซ็นย่าถามด้วยน้ำเสียงขาดหาย
เป็นช่วง ๆ ร่างกายแทบจะทรงตัวไม่อยู่แสดงอาการบาดเจ็บจากการปะทะ  “ข้าประมาทเจ้าไปจริง ๆ”  
นางยังคงพูดต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมีอาการสงบนิ่ง  ไม่มีเสียงตอบใด ๆ กลับมา   “เก็ทพาว”  
นางร่ายเวทอีกครั้ง เกิดรัศมีสีม่วงจาง ๆ จากปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะก่อนจะจางหายไป

          “ฮึ… ฮึ…  ถึงกับต้องร่ายเวทเพื่อฟื้นพลังเชียวรึ ท่านราชินี”  ร็องดอร์เยาะเย้ย

          “เพียซคัท”  แทนคำตอบของราชินีเซ็นย่า  นางร่ายเวททิ่มแทงเข้าใส่  แต่ร็องดอร์ซึ่งระวังตัว
เป็นอย่างดียกผ้าคลุมขึ้นมาบังตัวได้ทันท่วงที  ครูเอลซึ่งยืนอยู่กับบรรดาลูกสมุนของผู้บุกรุกในแถวหน้า ๆ
ทางด้านหลังของร็องดอร์ ร่ายเวทเบา ๆ เกิดแผ่นฟิล์มใส ๆ  ป้องกันด้านหน้าตัวเองไว้ได้  ส่วนคนอื่น ๆ
ที่ยืนพ้นรัศมีการป้องกันต่างล้มลงไปนอนขดตัวดิ้นทุรนทุราย

           “รู้สึกว่าพลังของท่านคงกลับมาได้ไม่เต็มร้อยสินะ” ร็องดอร์แสยะยิ้ม “เวททิ่มแทงของท่านถึง
ทำอันตรายข้าไม่ได้เลย”

          “แอคมิบอมบ์”   ราชินีเซ็นย่าร่ายเวทอีกครั้งอย่างรวดเร็ว   เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นตรงที่ร็องดอร์
ยืนอยู่  แรงระเบิดทำให้พื้นดินยุบลงและมีฝุ่นฟุ้งกระจายและแรงระเบิดยังสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
พื้นดินและหญ้าเหมือนถูกขุดเป็นหย่อม ๆ กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ  ลูกสมุนของร็องดอร์อีกส่วนหนึ่ง
ที่อยู่ในรัศมีของแรงระเบิดนอนตายเกลื่อน  และเมื่อฝุ่นเริ่มจางลงจึงได้เห็นว่าขณะนี้ร็องดอร์นั่งคุกเข่าลง
ข้างหนึ่งอยู่ในหลุมขนาดใหญ่  มีผ้าคลุมปกปิดร่างกายไว้มิดชิด

          ชายในชุดดำค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน  “ไม่เลว  ขนาดได้รับบาดเจ็บ พลังไม่สมบูรณ์ยังสามารถใช้เวท
หนึ่งในห้าเวทสูงสุดนี้ได้”  น้ำเสียงและสภาพของเขาตอนนี้ก็ทำให้รู้เช่นกันว่าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
จากแรงระเบิดเมื่อสักครู่   เขากระโดดขึ้นมาจากหลุมสะบัดผ้าคลุมเพื่อสลัดฝุ่นและเศษดินเศษหญ้าที่
เกาะติดอยู่ที่ผ้าคลุมทิ้ง   “ฮึ…ฮึ…แต่การเรียกใช้เวทครั้งนี้ก็ทำให้ท่านใช้พลังที่เหลืออยู่ไปมากเช่นกัน
ใช่หรือไม่ แล้วนี่ท่านจะมีพลังเหลืออยู่ใช้เวทได้อีกสักเท่าไหร่ล่ะ   ถ้าให้ข้าเดาตอนนี้ท่านคงใช้ได้แต่เวท
ที่ไม่รุนแรงมากเท่านั้น  ท่านคงเรียกใช้เวทสูงสุดที่เหลือไม่ได้แล้ว   ข้าว่าท่านยอมแพ้ซะดีกว่า  เผื่อข้า
จะใจดีให้ท่านได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย  เพื่อดูข้าครอบครองที่นี่ และเห็นว่าข้าเหมาะสมกับมันมากเพียงใด”

         “เจ้าฝันต่อไปเถอะ   เรนซิค”  ราชินีเซ็นย่าเงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อม ๆ กับร่ายเวทด้วยความ
โกรธเกรี้ยว  เกิดฝนเป็นแท่งแหลมหนาหล่นมาจากท้องฟ้าทั่วบริเวณที่ร็องดอร์และสมุนยืนอยู่

          “บาเฟ้นด์”
  เสียงร็องดอร์และครูเอลดังขึ้นมาพร้อม ๆ กัน มีแผ่นฟิล์มใสลอยอยู่เหนือหัวของ
ร็องดอร์และครูเอลเพื่อป้องกันฝนกรดนั้น   ครูเอลยกมือทั้งสองขึ้นเหนือหัวอ้าแขนกว้างออกเพื่อขยาย
แผ่นฟิล์มให้ใหญ่ขึ้นเพื่อปกป้องพวกเดียวกัน  แต่ก็ไม่กว้างพอจะป้องกันได้ทั้งหมด  ลูกสมุนร็องดอร์
ที่เหลือต่างวิ่งหนีอย่างชุลมุนวุ่นวายเพื่อหลบฝนกรดที่กระหน่ำลงมา  แต่เนื่องจากจตุรัสประลองเวท
เป็นพื้นที่โล่งกว้างทำให้ไม่สามารถหาที่หลบได้  ทันทีที่ฝนกรดสัมผัสกับร่างกายพวกมันทั้งหมด
ต่างร้องโหยหวนก่อนจะเกิดควันตรงส่วนที่โดนฝนกรด และแล้วร่างทั้งร่างก็ค่อย ๆ  สลายไป

          “เฮิลสโตน”   สิ้นเสียงร็องดอร์ บรรดาหิน ทั้งลูกเล็ก ลูกใหญ่ต่างพุ่งเข้าใส่ร่างของราชินีเซ็นย่า
ทำให้นางต้องรีบร่ายเวทป้องกัน เลยทำให้ฝนกรดหยุดตกเนื่องจากนางเสียสมาธิ   ตอนนี้บรรดาลูกสมุน
ของร็องดอร์เหลือไม่ถึง  30  คน

*************************

          “เร็ว ๆ เข้าเถอะท่านหญิงซีเวียร์  ท่านหญิงเซร่า  เราต้องรีบไปจากที่นี่”

          “ไม่…ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น  ข้ากับท่านพี่ และซินแคลล์ จะรอท่านแม่อยู่ที่นี่”  น้ำเสียงดุดัน
แสดงอาการไม่พอใจตะคอกออกมา  “ท่านเอสโทส ท่านจะพาเราหนีไปไหน ท่านก็รู้  ท่านแม่เก่งที่สุดใน
เฮเวนน่า  แล้วท่านคิดว่าท่านแม่จะสู้เจ้านั่นไม่ได้หรือไง”

         “มิได้ ท่านหญิงซีเวียร์  แต่นี่เป็นคำสั่งของราชินีเซ็นย่า ข้าต้องปฏิบัติตาม” ท่านผู้เฒ่าเอสโทสตอบออกไป

          “คำสั่งงั้นเหรอคะ  ท่านแม่กลัวจะแพ้เหรอคะ ท่านผู้เฒ่า”  เซร่าถามด้วยความข้องใจ

          “ราชินีเซ็นย่ากลัวจะเป็นตามคำทำนายเมื่อสิบกว่าปีก่อนนั่นมากกว่า” ชายชราให้คำตอบด้วยน้ำเสียง
อ่อนแรง  “หากเป็นไปตามคำทำนายนั่น  เราต้องไปจากที่นี่เพื่อรอเวลาที่จะกลับมาอีกครั้ง”

         “ไม่… ยังไงข้าก็ยังยืนยันว่าข้าจะไม่ไปจากที่นี่เด็ดขาด   หากมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ข้าจะเป็นผู้
ปกป้องอาณาจักรแห่งนี้ต่อจากท่านแม่เอง”  ซีเวียร์ยังคงประกาศกร้าว

         “พี่หญิงคะ  เราควรทำตามคำสั่งท่านแม่นะคะ”  เซร่าหันมาขอร้อง  “เรายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ยังไงเราก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งท่านแม่ หากท่านแม่เห็นว่าเราต้องไปเราก็ต้องไป”    น้ำเสียงเซร่าหนักแน่น
ขึ้นในท้ายประโยค

          “เจ้ามันขี้ขลาด  คิดแต่จะหนีเอาตัวรอด”  ซีเวียร์ตวาดกลับมา  “ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น  หาก
ท่านแม่เพลี่ยงพล้ำ ข้านี่แหละจะเป็นราชินีแห่งเฮเวนน่าคนต่อไป”  

           “ไม่ใช่นะคะพี่หญิง น้องไม่ได้คิดหนีเอาตัวรอด แต่หากนี่คือคำสั่งน้องก็ต้องทำตาม พี่หญิงคะ 
คิดให้ดีนะคะ  หากคนผู้นั้นบุกรุกมาถึงที่นี่ มาครอบครองที่นี่ทั้งหมด เวลานั้นไม่ใช่เฉพาะพี่หญิงที่จะ
เป็นอันตราย  แต่ซินแคลล์จะต้องได้รับอันตรายด้วย”    น้ำเสียงเซร่าแสดงความเป็นห่วงจากใจจริง

          "ไม่... พี่ตัดสินใจแล้ว  เราสามคนพ่อแม่ลูกจะอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าอยากทำตามคำสั่งท่านแม่ ก็เชิญ” 
น้ำเสียงซีเวียร์บ่งบอกว่าได้ตัดสินใจแน่นอนในการกระทำครั้งนี้แล้ว

          “ถ้าเช่นนั้นข้าต้องขอลา  ท่านหญิงซีเวียร์ “  ผู้เฒ่าเอสโทสก้มหัวเป็นการคาราวะ “ไปเถอะ...
ท่านหญิงเซร่า เราเสียเวลามามากแล้ว”

           “แต่... แต่ว่า”  เซร่าเกิดอาการลังเล เมื่อเห็นว่าพี่สาวซึ่งนับเป็นญาติคนเดียวที่นางเหลืออยู่
ตัดสินใจไม่หนีไปด้วยกัน  นางรู้สึกละอายใจที่ทำตัวเหมือนจะหนีเพื่อเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียวใน
ภาวะเหตุการณ์คับขันเช่นนี้

          “ไปเถอะ ท่านหญิงเซร่า หากเหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติเราก็สามารถกลับมาที่นี่ได้เช่นเดิม
แต่ถ้าหากไม่ ท่านหญิงจะเป็นความหวังเดียวของชาวเฮเวนน่าทั้งหมด ทำตามคำสั่งราชินีเซ็นย่าซะดีกว่า 
หากนางรู้ว่าเรายังอยู่ที่นี่ นางต้องเป็นห่วงมากและอาจพะวักพะวงจนเป็นเหตุให้เพลี่ยงพล้ำได้”

           “พี่หญิง  ฮือ... ฮือ...  รักษาตัวด้วย”  เซร่าล่ำลาพี่สาวด้วยน้ำตา

           “ไปเถอะ เจ้าก็เหมือนกันรักษาตัวด้วย ขอให้เจ้าโชคดี “  ซีเวียร์กอดปลอบน้องสาว  ก่อนจะตะโกน
เสียงดัง แต่เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นและเจือด้วยความรักที่เปี่ยมล้น   “ซินแคลล์...  ซินแคลล์  ลูกอยู่ไหน”

          เด็กหญิงอายุประมาณ 3-4  ขวบ วิ่งเข้ามากอดซีเวียร์ ก่อนจะเงยหน้าส่งเสียงอ้อน  “ท่านแม่”

          “ไปหาท่านน้าเซร่าสิลูก ท่านน้าจะไปทำธุระต่างเมือง คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน”  ซีเวียร์พูดกับ
ลูกสาวตัวน้อยเบา ๆ

          “ท่านน้าจะไปเที่ยวหรือคะ ซินแคลล์อยากไปด้วย”  เด็กน้อยวิ่งเข้าไปกอดเซร่าก่อนจะส่งน้ำเสียงออดอ้อน

          “ไม่... ไม่ใช่จ๊ะ  น้า... น้า...ไปทำธุระอีกไม่นานก็กลับมาแล้ว”  เซร่าพยายามกลั้นเสียงสะอื้น 
“ซินแคลล์คนสวยของน้า  หนูต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่านแม่นะจ๊ะ อย่าดื้อ น้ารักหนูนะ”  พูดจบเซร่า
คว้าร่างซินแคลล์เข้ามากอดพร้อมน้ำตาที่ไหลริน

          “ท่านน้า อย่าร้อง... อย่าร้องนะคะ”  ซินแคลล์ใช้นิ้วเรียวเล็กเช็ดน้ำตาให้น้าสาวคนสวย

          “เจ้าไปเถอะ   อย่าเสียเวลาอีกเลย”  ซีเวียร์เร่งให้รีบเดินทาง

          “พี่หญิง”  เซร่าก้มหัวคำนับเสมือนเป็นการอำลา  “หากเหตุการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่ท่านแม่
คาดการณ์ ข้าจะรีบกลับมา”  นี่เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เซร่าค่อย ๆ ก้าวเดินจากมาด้วยความเสียใจ

*************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น