หลังจากพากันนั่งเงียบ ๆ ในโฮนี่สองคันจนกลับมาถึงปราสาทแก้ว ความเห็นของคนทั้งห้าก็ต้องแตกออก
เป็นสองฝ่าย เมื่อซายน์ แซนด์และโฟร์ทดึงดันไม่อยากทำตามความต้องการขององครักษ์ส่วนตัวและภรรยา ที่
ต้องการให้ทั้งสามคนเข้าไปรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้มีอำนาจสูงสุดของเฮเวนน่าในขณะนี้อย่างท่านหญิงซีเวียร์ฟัง
เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนักและตอนนี้ทุกคนก็ปลอดภัยดีแล้ว แต่อีกฝ่ายถึงแม้จะมีจำนวนคนน้อยกว่า
ก็ได้ให้เหตุผลที่เหมาะสมว่า ถึงอย่างไรก็ต้องไป เพราะเชื่อว่าป่านนี้ท่านหญิงซีเวียร์คงจะได้รับรายงานเหตุที่เกิดขึ้น
แล้ว ฉะนั้นการไปแจ้งข่าวด้วยตนเองจะเป็นการให้เกียรตินาง และที่สำคัญกว่านั้นคือต้องไปเพื่อแจ้งข่าวการสูญเสีย
ทหารองครักษ์ทั้งสองนายเพื่อแสดงความรับผิดชอบ จะได้มีการช่วยเหลือครอบครัวของทั้งสองนายต่อไป อย่างน้อย
ก็เป็นการแสดงความเคารพและขอบคุณต่อทหารทั้งคู่ที่ต้องเสียสละชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนี้ และนั่นทำให้ซายน์
รู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ตนเองเป็นตัวการในเรื่องนี้แท้ ๆ กลับทำเหมือนจะปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านเลยไปเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น
“ซายน์จะเข้าไปพบท่านป้าเองค่ะ”
“ไม่...ซายน์.. ต้องเป็นพวกเราทั้งหมด ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง” เสียงนุ่ม ๆ ของพี่ชายเรียกความมั่นใจให้เธอ
ได้เป็นอย่างดี
****************************
แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่องครักษ์ส่วนตัวอย่างเท็นซินคิด ท่านป้าของเธอรับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว
เพียงแต่ซักถามรายละเอียดอะไรอีกเล็กน้อยซึ่งเธอก็เล่าให้ฟังนางฟังเหมือนกับที่เล่าให้คนอื่น ๆ ฟังในที่เกิดเหตุ
มีเพียงเรื่องเดียวที่เธอยังไม่ได้เล่าให้ใครรับรู้สักคนเดียวคือการสนทนาของเธอกับหญิงชราที่แปลกประหลาด
ท่ามกลางลมพายุอันรุนแรง เธอบอกทุกคนแค่เพียงว่าระหว่างที่ไปเลือกซื้อผลไม้ เธอเห็นหญิงชราที่น่าสงสาร
คนหนึ่งบนถนนหมายเลขสี่จึงตามไป เผื่อหญิงชราคนนั้นอาจต้องการความช่วยเหลือ แต่ทันทีที่เข้าไปในตรอก
เล็ก ๆ แห่งนั้น พวกชายชุดดำก็เข้ามาจู่โจมเพื่อจะจับตัวเธอไป จึงเกิดการต่อสู้กันเล็กน้อยก่อนที่ตัวเธอจะมี
เกราะสีเงินขึ้นมาคุ้มกัน และระหว่างนั้นเองทหารองครักษ์สองนายนั่นก็ผ่านมาเจอเหตุการณ์เข้าพอดี ทั้งสองคน
พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องเธอแต่ก็ต้องพ่ายแพ้และจบชีวิตลง จนกระทั่งพี่ชายฝาแฝดติดต่อผ่านกระแสจิตมา
และตามมาช่วยเธอไว้ได้ในที่สุด
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ซายน์ถูกสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ออกไปนอกปราสาทแก้วอีก เธอพยายามอ้อนวอน
และสัญญาต่าง ๆ นานา ว่าจะไม่อยู่ตามลำพังคนเดียวอีกแล้ว หรือแม้กระทั่งจะให้องครักษ์ที่เก่งกล้าสามารถอย่าง
เท็นซินตามไปด้วยทุกครั้ง แต่คำขอของเธอก็ไม่เป็นผล ท่านป้าไม่ยอมใจอ่อนอีกแล้ว
ท่านหญิงซีเวียร์พยายามชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่ซายน์เพิ่งรอดมาได้อย่างหวุดหวิด การต่อกรกับพวกเอสทรูฟ
เป็นเรื่องที่น่าหวั่นเกรง ซายน์ได้รับความกระจ่างเพิ่มว่า “เอสทรูฟ” ในปัจจุบันนี้คือกองกำลังไม่ทราบฝ่าย และ
จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ด้วยว่าพวกมันทำงานให้ใคร มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน และมีวัตถุประสงค์อันใด
แต่หากพูดถึงกองกำลัง “เอสทรูฟ” ในอดีตก่อนจะเกิดเหตุการณ์เมื่อสิบหกปีก่อนขึ้น เอสทรูฟก็คือหน่วย
ปฏิบัติภารกิจลับของราชินีเซ็นย่า สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งที่ท่านจะเข้าพิธีรับตำแหน่งราชินีของเฮเวนน่า
ท่านหญิงเซ็นย่า (ยศในขณะนั้น) มีอายุเพียงสิบห้าปี ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากบางฝ่ายที่เห็นควรว่าตำแหน่ง
ราชินีของเฮเวนน่า เหมาะที่จะเป็นของท่านหญิงเซ็นเน่ ซึ่งเป็นพี่สาวของท่านมากกว่า ไม่สมควรที่น้องจะขึ้นมา
เป็นใหญ่เหนือกว่าพี่ แต่องค์ราชินีในขณะนั้นกลับยืนยันที่จะมอบตำแหน่งราชินีคนต่อไปให้กับท่านหญิงเซ็นย่า
โดยให้เหตุผลเพียงแค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจึงจำต้องยอมรับในคำสั่งนี้
แต่ทุกอย่างกลับไม่เรียบง่ายอย่างที่คิดไว้ เพราะเมื่อองค์ราชินีสิ้นชีพลงและท่านหญิงเซ็นย่าขึ้นรับรับ
ตำแหน่งเป็นราชินีได้ไม่นาน ท่านหญิงเซ็นเน่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ เหล่าข้าราชบริพารพวกที่เคยคัดค้านเริ่ม
กระด้างกระเดื่อง กล่าวหาว่าราชินีเซ็นย่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปในครั้งนี้ ต่างพยายามยุยงชาวเมืองให้
แตกแยกจนมีความคิดเห็นออกเป็นสองฝ่าย พวกหนึ่งต่างก็ยอมรับและเห็นด้วยในการตัดสินใจของอดีตราชินี
และเชื่อมั่นว่าราชินีเซ็นย่า ราชินีองค์ใหม่แห่งเฮเวนน่าเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ไม่มีวันทำร้ายพี่สาวแท้ ๆ ของตนเอง
ได้แน่นอน แต่อีกพวกหนึ่งกลับไม่เห็นด้วยเช่นนั้น พากันคิดไปว่าเรื่องของอำนาจไม่เข้าใครออกใคร เป็นสิ่งยาก
ที่จะหักห้ามใจ เมื่อได้ลิ้มรสแล้วก็ยากที่จะยอมวางมือ จึงต้องชิงกำจัดผู้ที่เห็นว่าน่าจะเป็นหอกข้างแคร่ ผู้ที่จะเป็น
ศัตรูที่น่ากลัวในอนาคตให้สิ้นไป
เพราะฉะนั้นบ้านเมืองในขณะนั้น จึงคุกรุ่นไปด้วยความบาดหมางไม่เข้าใจกัน มักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทของ
ทั้งสองฝ่ายมากบ้างน้อยบ้าง จนบางครั้งหวุดหวิดที่จะเป็นการจลาจลย่อย ๆ เลยทีเดียว ราชินีเซ็นย่าได้แต่เฝ้ามอง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นกังวล แต่จะให้ลงไปจัดการอะไรขั้นเด็ดขาดก็คงดูจะไม่งามนัก ในเมื่อเรื่องนี้
นับว่ามีต้นเหตุมาจากตนเอง
แล้วทางออกก็ได้รับการเสนอแนะจากท่านผู้เฒ่าเอสโทส ผู้หยั่งรู้ซึ่งทรงอำนาจ คนสนิทของอดีตราชินีที่
สิ้นชีพไป ท่านแนะนำให้ราชินีเซ็นย่าจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาอย่างลับ ๆ เพื่อสืบหาร่องรอยการหายตัวไปของท่านหญิง
เซ็นเน่ และอีกส่วนหนึ่งเพื่อจัดการเหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ ของชาวเมือง ให้กองกำลังนี้เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีที่มาที่ไป
เป็นกลุ่มคนที่เป็นเสมือนคนกลางเพื่อประสานรอยร้าวของกันและกัน ไม่ใช้ความรุนแรงของทหาร ไม่ให้อำนาจผู้ใด
ผู้หนึ่งในการจัดการ เพราะอาจทำให้ดูเป็นการลำเอียงหรือเป็นการปกปิดความผิดของตนเอง
และเพื่อต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับมากที่สุด ผู้ที่รับรู้เรื่องการมีอยู่ของกองกำลังเอสทรูฟ จึงมีเพียงราชินี
เซ็นย่า ท่านผู้เฒ่าเอสโทส หัวหน้าองครักษ์ และผู้บัญชาการกองกำลังส่วนหน้าเพียงสี่คนเท่านั้น สำหรับหัวหน้า
องครักษ์นั้นว่ากันว่าเป็นชายหนุ่มรูปงาม ที่มีฝีมือดีพอควร และยังเป็นคนที่ราชินีเซ็นย่าให้ความเชื่อมั่นไม่น้อยไป
กว่าผู้หยั่งรู้แห่งเฮเวนน่าเลย ในส่วนของผู้บัญชาการกองกำลังส่วนหน้าที่ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในสี่ผู้กุมความลับ
เพราะต้องเป็นผู้คัดสรรเหล่าทหารองครักษ์ที่เหมาะสมเพื่อมาปฏิบัติภารกิจสำคัญครั้งนี้ องครักษ์ที่คล่องแคล่ว
ปราดเปรียวว่องไว องครักษ์ที่มีความเชื่อมั่นในตัวราชินีเซ็นย่าและบัลลังก์แห่งเฮเวนน่า องครักษ์ที่สามารถจะเก็บ
ความลับไว้และไม่แพร่งพรายออกไป และต้องเป็นองครักษ์ที่จะยอมเสียสละตำแหน่งในปราสาทแก้ว เพื่อไปเป็น
กองกำลังที่ไร้การรับรอง
กว่ายี่สิบชีวิตที่ผ่านการคัดสรรมา สามารถปฏิบัติภารกิจลับได้เป็นที่น่าพอใจ จนอาจจะเรียกได้ว่าดีเกิน
ความคาดหมาย เมื่อส่วนหนึ่งสามารถประสานรอยร้าวของชาวเมืองได้ ถึงแม้จะไม่กลับมาเหมือนเดิมซะทีเดียว
แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายใด ๆ อีก ยังคงเหลืออีกเพียงหนึ่งภารกิจที่ราชินีเซ็นย่ากำลังรอข่าวความคืบหน้า
อย่างใจจดใจจ่อ โดยข่าวหลังสุดที่ได้รับมาคือ มีความเป็นไปได้ว่าขณะนี้ท่านหญิงเซ็นเน่ น่าจะอาศัยอยู่ใน
แลนด์เดียร์ว่า
เกือบเดือนผ่านไป กองกำลังเอสทรูฟส่วนที่ติดตามข่าวที่แลนด์เดียร์ว่าก็กลับมา พร้อมม้วนกระดาษ
สีน้ำตาลม้วนเล็ก ๆ ม้วนหนึ่ง ที่คลี่คลายสถานการณ์ทุกอย่างให้กลับสู่ภาวะปกติ
สารจากท่านหญิงเซ็นเน่ เพื่อขอสละฐานันดรศักดิ์และต้องการอยู่อย่างสงบ ได้รับการปิดประกาศให้ชาวเมือง
ทราบโดยทั่วกัน และนั่นก็ทำให้กองกำลังเอสทรูฟถูกยกเลิกเมื่อจุดประสงค์หลักของการก่อตั้งได้เสร็จสิ้นลง เรียก
ได้ว่าสิ้นสุดลงทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเคยมี อดีตองครักษ์ทุกนายได้รับรางวัลจากราชทรัพย์ส่วนตัวของราชินีเซ็นย่า
พร้อมทั้งได้กลับมาประจำการใหม่และเลื่อนตำแหน่งขึ้นอีกคนละขั้นโดยปราศจากข้อสงสัยใด ๆ จากเหล่าองครักษ์
หน่วยอื่น ๆ เมื่อผู้บัญชาการกองกำลังส่วนหน้า ได้ออกหน้ารับรองว่าเป็นผู้ส่งเหล่าองครักษ์เหล่านี้ไปปฏิบัติภารกิจ
สำคัญเร่งด่วนด้วยตนเอง
แต่เรื่องกลับไม่จบไปง่าย ๆ เหมือนอย่างที่คิด เมื่อผู้บัญชากองกำลังส่วนหน้ามองเห็นถึงศักยภาพ ความ
ทะเยอทะยาน และอะไรบางสิ่งบางอย่างในตัวอดีตผู้ร่วมงานในกองกำลังเอสทรูฟบางคน การหาประโยชน์ให้กับ
ตนเองจึงเริ่มขึ้น กองกำลังเอสทรูฟถูกตั้งขึ้นมาอย่างลับ ๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
กองกำลังเอสทรูฟชุดใหม่ เริ่มออกอาละวาดประหนึ่งกองโจร เป้าหมายหลักของการข่มขู่ปล้นชิงครั้งนี้คือ
หมู่บ้านต่าง ๆ ในแลนด์เดียร์ว่า ซึ่งขณะนั้นยังไม่ถูกยึดอำนาจโดยร็องดอร์และต้องแยกเป็นเผ่า ๆ เหมือนในปัจจุบัน
เกือบทุกวันจะต้องมีข้อร้องเรียนไปยังราชาฟีเบลเรื่องการถูกปล้นชิงทรัพย์ รวมถึงพืชพันธุ์ธัญญาหาร นานวันเข้า
เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จากการปล้นชิงธรรมดา เริ่มมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญ
กองทหารของแลนด์เดียร์ว่า ก็ไม่สามารถที่จะต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่ใช้เวทได้ จนเมื่อเหตุการณ์เริ่มเกินกว่าจะรับมือไหว
ราฟาฟีเบลจึงต้องเดินทางไปขอความร่วมมือจากราชินีเซ็นย่าด้วยตนเอง
ทันทีที่ได้รับฟังความจากราชาแห่งแลนด์เดียร์ว่า เล่าถึงถึงกองโจรที่อาจหาญปล้นฆ่าชาวเมืองอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ทหารของแลนด์เดียร์ว่าไม่สามารถจะจัดการอะไรได้เลย เกินกำลังยิ่งนักที่คนธรรมดาจะสู้กับผู้ใช้เวท จึงต้อง
มาขอความช่วยเหลือจากผู้ใช้เวทเช่นเดียวกันในการจับกุม แต่สิ่งที่ทำให้ราชินีของเฮเวนน่าถึงกับตกอกตกใจจน
เกือบเก็บอาการไม่อยู่นั้น ก็เมื่อได้รับฟังว่ากองโจรเหล่านั้นเรียกตัวเองว่า “กองกำลังเอสทรูฟ”
การสืบสวนเริ่มต้นจากการประชุมของผู้เคยรับรู้การมีอยู่ของกองกำลังปฏิบัติภารกิจลับทั้งสี่คน เพื่อหาว่า
เหตุใดชื่อกองกำลังในการปฏิบัติงานครั้งนั้นถึงได้มีคนรับรู้และนำไปใช้ และแล้วก็สรุปได้ว่าคงเกิดจากการทรยศ
ขององครักษ์คนใดคนหนึ่ง จึงเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการกองกำลังส่วนหน้าในการสืบหาบุคคลผู้นั้น และเป็นหน้าที่
ของหัวหน้าองครักษ์ในการนำเหล่าผู้มีฝีมือออกติดตามและจับกุมเหล่ากองโจรที่นำความเสื่อมเสียมายังผู้ใช้เวททั้งปวง
งานที่เคยคิดว่าไม่น่าจะยุ่งยาก กลับทำความลำบากใจให้กับหัวหน้าองครักษ์อย่างนึกไม่ถึง เมื่อเหล่ากองโจร
เหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหวของฝ่ายผู้ติดตามอยู่ตลอด สามารถหลบหนี และทำลายหลักฐานต่าง ๆ ไปได้ทุกครั้ง
จากที่คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน เวลากลับเนิ่นนานขึ้นจากเดือนเป็นสองเดือน สามเดือน สี่เดือน จนล่วงเลย
มาเกือบปี จนในที่สุดหัวหน้าองครักษ์รูปงามก็ต้องปล่อยข่าวลวงเพื่อต้องการหาตัวไส้ศึกที่คอยส่งข่าวคราวความ
เคลื่อนไหวของทีมติดตามไปให้กองโจรรับรู้ ไม่นานเท่าไรนักผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังอย่างผู้บัญชาการกองกำลังส่วนหน้า
ก็ถูกเผยโฉม
การต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เมื่ออดีตผู้บัญชาการกองกำลังส่วนหน้าซึ่งขณะนี้ถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว
ไม่ยอมที่จะต้องถูกจับกุมและคุมขังอยู่ในคุกมืดใต้ดินตลอดชีวิต รวบรวมกำลังคนที่ตนเองพอจะบงการได้ทั้งจาก
เมื่อครั้งยังคงซึ่งอำนาจ และจากการใช้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่อย่างมากมายจากการปล้นชิงมาเป็นสิ่งล่อใจชักจูงคนที่
ต้องการเป็นใหญ่มาร่วมกระบวนการเพื่อจะโค่นล้มบัลลังก์ขององค์ราชินีและจะขึ้นครอบครองบัลลังก์เสียเอง
การต่อสู้ประดุจศึกสายเลือดผ่านไปสามวันสามคืน ก่อนจะจบลงด้วยความสูญเสียทั้งสองฝ่าย ผู้ทรยศอย่าง
อดีตผู้บัญชากองกำลังส่วนหน้าหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนพวกลิ่วล้อบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ที่เหลือ
ก็หลบหนีกระจัดกระจายย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากในแลนด์เดียร์ว่า แต่หากเปรียบเทียบไปทางฝ่ายกองกำลังของ
เฮเวนน่าต้องเรียกว่าสูญเสียมากกว่า เมื่อหัวหน้าองครักษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้และเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นโดย
มีราชินีเซ็นย่าคอยดูแลอย่างใกล้ชิดจวบจนลมหายใจสุดท้าย....
****************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น