นี่แหละฉัน

รูปภาพของฉัน
Thailand
"ตัวฉัน คนอย่างตัวฉัน ใครจะมาสนใจ..." อิอิ.. รักเสียงเพลง บรรเลงตัวหนังสือ... ชอบอ่าน ชอบเขียน......
"หนังสือ" คือเพื่อนที่ปรารถนาดีที่สุด แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดนะ... เพราะในชีวิตยังมีเพื่อนดี ๆ ให้เจออีกเยอะ

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 28. พิษ



          ซายน์เพิ่งรู้...  ว่าการได้ระบายเรื่องหนัก ๆ ที่อยู่ในใจออกไปบ้างมันทำให้รู้สึกปลอดโปร่งมากขนาดไหน
พี่ชายฝาแฝดของเธอรับฟังเรื่องราวทุกเรื่องด้วยความสนใจจริงจัง  ให้ความสำคัญกับเรื่องที่เธอเล่าโดยไม่แสดง
อาการเย้าแหย่ขี้เล่นตามลักษณะปกตินิสัยของตัวเองแม้แต่สักนิดเดียว  นั่นทำให้เธอกล้าเล่าทุกเรื่องอย่างไม่ปิดบัง

          “เราไปปรึกษาราฟากันดีกว่าซายน์”

          “ไม่ได้นะ  ไม่ได้นะ  พี่แซนด์”   น้องสาวละล่ำละลักห้าม  ด้วยความตกใจ  “เอ่อ... เอ่อ....”

          “อย่าบอกนะ ว่าเธอไม่ไว้ใจแม้กระทั่งราฟาน่ะ”

          “ไม่ใช่นะคะ... แต่...”  ซายน์อึกอัก  ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายอย่างไร  อันที่จริงราฟา  คือหนึ่งในบุคคลที่เธอแทบ
จะเรียกว่า ‘ไว้ใจ’ มากที่สุดในดินแดนแห่งนี้พอ ๆ กับท่านผู้เฒ่าเอสโทส  แต่..  ในเมื่อ ‘ผู้บงการ’  คือหญิงสาวคนนั้น 
คนที่เธอเคยเห็นว่าเขาสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเพียงใด  และในช่วงตลอดหลายวันที่อยู่ที่นี่ เขาสองคนอาจ
พบเจอพูดคุยอะไรกันมากมาย

           หญิงสาวพยายามสลัดความคิดที่ไร้สาระเหล่านี้ออกไป  แต่  มันคงไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก  เพราะมัน
ยังคงทิ้งร่องรอย ‘ความน้อยใจ’  เจือไว้จาง ๆ ในความรู้สึก

           “ราฟา...เค้าคงไม่เชื่อเราหรอกคะ พี่แซนด์”  เธอค่อนข้างมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองได้บอกออกไป เพราะถึงแม้เขา
จะไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด  แต่เขาก็คงจะไม่เชื่อแน่ ๆ ว่า  ผู้หญิงที่เรียบร้อย อ่อนหวาน อย่างท่านหญิงซิลแคลล์  จะ
สามารถทำเรื่องร้าย ๆ แบบนี้ได้  กับตัวเธอเองก็ตามหากมีใครมาเล่าเรื่องเช่นนี้ให้เธอฟัง  เธอก็คงจะไม่เชื่อ  แต่นี่... 
เธอเป็นผู้ประสบมันมาด้วยตนเอง

          “เถอะน่า.. ซายน์  ไม่ลองก็ไม่รู้นะ”  พี่ชายยังคงพยายามชักชวน
*****************************

           “ไม่มีทาง  เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”  เสียงเข้มที่บ่งบอกถึงอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ทำเอาหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มขณะนี้ต้องรีบกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อ ออกมา “ท่านหญิงซิลแคลล์ ไม่มีทางเป็น
ผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าพวกชั่วเหล่านั้นเป็นแน่  ข้ามั่นใจ”

          “แต่... แต่ ตัวย่อ ตัว  ‘S’  นั่น”  แซนด์พยายามโต้แย้ง

          “ท่านจะใช้แค่อักษรเพียงตัวเดียวมาตัดสินคนทั้งคนไม่ได้หรอกนะ  ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะมีปัญหาทางสายตา
แต่ประสาทรับรู้ด้านอื่น ๆ ของข้า ไม่ได้สูญเสียไปด้วย  ข้ารับรองกับพวกท่านได้ว่า  ท่านหญิงซิลแคลล์  ไม่มีส่วน
เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ ๆ”

          ทันทีที่พูดจบ  ชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเข้มก็จากไป  ทิ้งให้สองพี่น้องฝาแฝดนั่งจมอยู่ในความเงียบที่ปกคลุม
เข้ามาอย่างรวดเร็ว  นานชั่วระยะเวลาหนึ่ง  หญิงสาวจึงลุกขึ้นส่งยิ้มเศร้า ๆ  ให้พี่ชาย  ก่อนจะเดินจากมาอย่างเงียบ ๆ
*****************************

          “ซายน์..  ไม่ไปเที่ยวที่เรือนสมุนไพรอีกหรอ”

          คำถามจาก  ‘เพื่อน’  เพียงคนเดียวที่เธอมี  ทำเอาหญิงสาวผู้ถูกถามชะงัก  เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่กำลัง
ขะมักเขม้นอ่านหันมาจ้องหน้ามองเจ้าของคำถามอย่างค้นหา  แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มจริงใจที่ส่งกลับมา  ทำเอาเธอ
ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  นี่เธอจะระแวงทุกคนไปหมดเลยหรืออย่างไร

          “ไม่ล่ะโฟร์ท  ปกติแล้วท่านพี่ไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามในเรือนสมุนไพรไม่ใช่หรอ  ซายน์ไม่กล้าไปแล้วล่ะ”

          “สำหรับซายน์  ท่านหญิงไม่ว่าอะไรหรอก  ข้าว่าท่านหญิงคงอยากให้ซายน์ไปที่นั่นอีกนะ”

          “ท่านพี่บอกเหรอ”   ซายน์รีบถามกลับ  ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังลุ้นระทึกกับคำตอบ

          “ก็เปล่าหรอก  แต่มันรู้สึกเองน่ะซายน์  เพราะถ้าเป็นคนอื่นเข้าไปในเรือนสมุนไพรแบบนั้น  ท่านหญิงคงจะรีบ
ไล่ออกไปหรือไม่ก็สั่งลงทัณฑ์ไปแล้ว  แต่นี่ท่านหญิงกลับไม่ว่าอะไรเลย  แถมเมื่อวันก่อนยังมีเปรย ๆ ถามด้วยนะว่า  
ซายน์จะหนีเรียนมาอีกหรือเปล่า  ”

          “จริงหรอ”  ท่านหญิงคนใหม่ของเฮเวนน่าถามกลับด้วยความงุนงง  เขาอยากให้เธอไปที่นั่นอีกจริง ๆ นะหรือ 
เพราะอะไรล่ะ  ในเมื่อสถานที่แห่งนั้นแทบจะเป็นเขตหวงห้าม  แต่กลับจะยินยอมให้เธอเข้าไป   บางที... การกำจัด
เธอในสถานที่แบบนั้นคงจะกระทำได้ง่ายกว่าล่ะมั้ง

          “ไม่ชิมหรอซายน์”

          “หา... อะไรนะ”    เสียงโฟร์ททำเอาเธอสะดุ้ง หลุดจากภวังค์  ก่อนจะเห็นว่า  ‘เพื่อน’  กำลังส่งถ้วยน้ำชาที่มี
ควันลอยกรุ่นมาให้  เธอรีบรับมันมาถือไว้ในมือ  ก่อนจะก้มมองน้ำใส ๆ สีชมพูอ่อน  ส่งกลิ่นหอมหวานลอยมาพร้อม
กลุ่มควันจาง ๆ

          “ชาบุปผา  ชิมสิ  โฟร์ทว่าซายน์จะต้องชอบมันเหมือนกัน”
*****************************

          “ซายน์  ทำไมช่วงนี้ดูหน้าซีด ๆ แบบนี้ล่ะ  ไหวรึเปล่า”

          “ไม่เป็นไรหรอกพี่แซนด์  แค่รู้สึกเพลีย ๆ น่ะ”

          “มัวแต่คิดมากเรื่องนั้นอยู่รึเปล่า”  น้ำเสียงแสดงความห่วงใย ส่งมาจากพี่ชาย

          “เปล่าหรอกพี่แซนด์”  น้องสาวตอบพลางส่งยิ้มที่พยายามให้ทำให้ดูสดใสให้  “ช่วงนี้นอนหลับเป็นตายเลย
แต่ไม่รู้ทำไมยังอยากจะนอนอยู่ตลอดเวลา”

          “อย่าคิดมากนะ”

          ซายน์เข้าไปกอดพี่ชายฝาแฝดแน่น  นานแล้วที่สองคนพี่น้องไม่ได้แสดงความรักแบบนี้ต่อกัน ตั้งแต่พี่ชาย
ได้รับฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากของเธอไป   มันทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอมากเพียงใด  ถึงแม้จะรู้สึกถึงความรัก
ความเป็นห่วงระหว่างสองคนพี่น้องอยู่แล้วก็เถอะ  แต่มันเห็นได้ชัดเจนในเหตุการณ์ครั้งนี้  เพราะหลังจากวันนั้นเขาจะ
มาหาเธอทุกวัน เข้าเรียนวิชาต่าง ๆ ด้วยกันมากขึ้น  แม้แต่บางวิชาที่เขาเคยบอกว่าแสนจะน่าเบื่อหรือช่างไร้ความ
น่าสนใจเพียงใด

          “อีกไม่นาน  ท่านผู้เฒ่าจะกลับมาแล้วนะ”

          “จริงเหรอพี่แซนด์”  น้ำเสียงของน้องสาวปกปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด

          “อืม...  ราฟาบอกมา”

          ชื่อของชายอีกคนที่พี่ชายเอ่ยออกมา  ทำเอาหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มของหญิงสาวสลดลง  ตั้งแต่วันนั้น วันที่
สองคนพี่น้องได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง  เมื่อเขายืนยันความบริสุทธิ์ของผู้ต้องสงสัยด้วยอารมณ์ที่เธอไม่เคยเห็น
มาก่อนแล้วจากไป  เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย  เขาหลบหน้าเธอ  หรือ...   เป็นเธอเองนะ ที่ไม่พร้อมที่จะเจอเขา
*****************************

           แถบสีม่วงเริ่มวิ่งจากขอบประตูด้านบนซ้ายไปเรื่อย ๆ ตามลายเถาวัลย์ที่ขอบประตู  จากบนลงล่าง และจาก
ล่างขึ้นบนจนบรรจบกันในที่สุด  ก่อนจะตามมาด้วยแสงสว่างที่เปล่งออกมาจากประตู  โฟร์ทเลิกคิ้วด้วยความสงสัย 
ก่อนจะเอ่ยปาก ‘อนุญาต’  ให้ผู้ต้องการเข้ามาในห้องซึ่งยืนรออยู่อีกฟากฝั่งของประตู

          “ซายน์...  ท่านผู้เฒ่ากลับมาแล้ว”  เสียงของท่านชายคนเดียวแห่งเมืองเฮเวนน่าดังขึ้นมาก่อนจะเห็นตัว  
“อ้าว...โฟร์ท  ซายน์ล่ะ”

          “ซายน์ยังไม่ตื่นเลยค่ะ”

          “หืม.. “  พี่ชายฝาแฝดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ  เพราะแน่ใจว่าน้องสาวตัวเองไม่เคยเหลวไหลตื่นสายแบบนี้

          “ข้ากำลังจะเข้าไปดูอยู่พอดี  รอสักครู่นะคะ”  หญิงสาวเอ่ยบอก  ก่อนจะหมุนตัวเดินหายกลับเข้าไปในห้อง 
ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องเบา ๆ แต่ทำให้ชายหนุ่มคนเดียวที่นั่งคอยอยู่บนโซฟายาวสีครีม  กระโจนอย่างลืมตัวถลาเข้า
ไปในห้องนอนที่ถือว่าเป็นเขตหวงห้ามเลยทีเดียว

          “ซายน์~~~”  เสียงครางจากปากของพี่ชาย  เมื่อมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนเตียง  ผมสีม่วงสยายอยู่บนหมอน
ใบใหญ่ ร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงกลับซีดเซียวเหมือนคนไม่มีเลือดอยู่ในกายสักหยด  มีเพียงอาการกระเพื่อมที่อก ซึ่ง
ทำให้พอรู้ว่าเจ้าของร่างยังคงมีลมหายใจ  “เป็น..เป็นอะไรไป  กะ....เกิดอะไรขึ้น”  น้ำเสียงเหมือนคนละเมอยังคงพร่ำต่อ

          “ไม่รู้... ไม่รู้ค่ะ”  เสียงที่ตอบกลับมาสะอื้นน้อย ๆ   “เมื่อคืน  เมื่อคืนซายน์ยังเป็นปกติดีอยู่เลย”

          “เฝ้าไว้นะโฟร์ท  ข้าจะไปตามท่านผู้เฒ่า”   พูดจบท่านชายของเฮเวนน่าก็รีบวิ่งออกไป
*****************************
  เสียงแหบ ๆ เอ่ยขึ้น  ถึงจะเป็นเพียงพยางค์สั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความวิตกอย่างเห็นได้ชัด ทำเอา
ทุกคนที่กำลังยืนอยู่รอบ ๆ เตียงพากันกังวล

          “มัน.. มันคืออะไรครับ”  ชายหนุ่มเจ้าของผมสีม่วง  ส่งเสียงถามออกไป

          “มันคือพิษชนิดหนึ่ง  ราชินีน้อยถูกวางยา”  คำอธิบายสั้น ๆ แต่ให้ความกระจ่างมากมาย

          “ฝีมือใคร” เสียงพี่ชายกร้าวขึ้นด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน

          “พอมีทางรักษามั้ยครับ”  ชายหนุ่มอีกคนในชุดสีน้ำเงินเข้มเอ่ยถาม  ถึงแม้สายตาของเขาจะมองไม่เห็นภาพ
ตรงหน้า แต่จากน้ำเสียงในการสนทนา และบรรยากาศ ก็พอจะทำให้เขารับรู้ได้ว่า  เหตุการณ์ในขณะนี้หนักหนา
พอสมควร

          “เช็ม”

          “เฮ้อ...”  เสียงถอนหายใจจากชายชราซึ่งไม่ได้ยินบ่อยนัก  พอทำให้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้ว 
“ถ้าพอจะรู้ตัวคนวางยา อาจจะทำให้หนทางรักษาง่ายขึ้น  ช่วงนี้ราชินีน้อยรับประทานอะไรแปลก ๆ เข้าไปหรือไม่” 
ประโยคคำถามถูกส่งไปยังหญิงรับใช้ส่วนตัว

          “ไม่มีเจ้าค่ะ”  เกรซเน่ให้คำตอบ  “อาหารที่รับประทานทุกมื้อก็ปกติดีทุกอย่าง  ข้าได้ตรวจสอบตามที่ท่านได้
สั่งไว้แล้ว”

          “หรือ... หรือว่า”  หญิงสาวอีกคนที่ได้รับความไว้วางใจในฐานะ  ‘เพื่อน’  เปล่งเสียงอย่างแผ่วเบา  เมื่อเห็น
ทุกสายตาที่จับจ้องมาเหมือนจะรอคำอธิบาย  หญิงสาวก็ตะกุกตะกักเอ่ยบอก  “ช่วง... ช่วงนี้ซายน์ดื่มชาบุปผาทุกคืน
ค่ะ  ซะ..ซายน์บอกว่า   มัน... มันทำให้สดชื่น ปลอดโปร่งและนอนหลับสบาย”

          “ชาบุปผา..”  ชายชราขมวดคิ้วครุ่นคิด  ก่อนจะเอ่ยปากขอชม  ‘ของต้องสงสัย’
          เพียงไม่นาน  หญิงสาวก็กลับมาพร้อมกับถ้วยชาบรรจุน้ำใส ๆ สีชมพูอ่อน ๆ ในมือ  ยื่นให้กับผู้หยั่งรู้แห่ง
เฮเวนน่าด้วยมืออันสั่นเทา..  หากสิ่งที่ทำให้  ‘เพื่อน’  ของเธอเป็นแบบที่เห็นบนเตียง  เป็นเพราะมีพิษที่อยู่ใน
น้ำใส ๆ นี้จริง ๆ  ก็เท่ากับว่าเธอเป็นคนวางยาพิษด้วยมือของตัวเอง  แต่ไม่สิ...  มันต้องไม่ใช่  จะเป็นยาพิษไปได้
อย่างไร  ในเมื่อน้ำชาที่ซายน์ดื่มทุกคืน  เธอเป็นคนจัดการเองกับมือ  ทุกขั้นตอน  ใช่...ทุกขั้นตอนแม้แต่การผลิต
ผงชาสมุนไพรที่ได้มาจากคำแนะนำสั่งสอนจากท่านหญิงแห่งเรือนสมุนไพร  และชาชนิดเดียวกันนี้เธอก็ดื่มมัน
แทบทุกวัน  แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร

          “ไร้สี  ไร้กลิ่น  ไร้รส   ตรวจสอบยากยิ่งนัก  นั่นเพราะส่วนผสมของ ‘เช็ม’ มาจากดอกไม้พิษถึง 10 ชนิด”

          “ดอกไม้พิษ!”  แซนด์เริ่มเอะใจ “ท่านหญิง!!!”  เสียงของชายหนุ่ม คำรามขึ้นด้วยโทสะที่พุ่งถึงขีดสุด 
ก่อนจะทำท่าเหมือนจะกระโจนออกจากห้องไป  แต่ก็ต้องยืนค้างนิ่งเมื่อท่านผู้เฒ่าใช้เวทหยุดเอาไว้ทัน

          “อย่าหุนหัน  ท่านชายน้อย”

          “ต้องเป็นนาง  ต้องเป็นท่านหญิงซิลแคลล์ที่คิดปองร้ายซายน์  เห็นมั้ยล่ะราฟา  พวกเราเคยบอกท่านแล้ว
แต่ท่านก็ไม่เชื่อ”

          “ถึงอย่างไร ข้าก็ยังคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง”  ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีฟ้า ยังยืนยันหนักแน่น

          “เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่??”  เสียงขรึม ๆ ของชายชรา  ทำเอาชายหนุ่มสองคนที่กำลังจะเริ่มโต้เถียง
กันต้องหยุดชะงักลง
*****************************

           “เฮ้อ...ทำไมไม่บุกเข้าไปคุยกันให้รู้เรื่องกันไปเลยเนี่ย...”  ท่านชายน้อย  ตามคำเรียกของชายชรา  เดินบ่น
ไปมาอย่างหงุดหงิดกับความต้องการของผู้หยั่งรู้แห่งเฮเวนน่า  แต่ไม่สามารถแสดงอาการอะไรออกไปได้มากกว่านี้
อันที่จริงเขาอยากจะบุกเข้าไปในเรือนสมุนไพรนี่ทันทีที่มาถึงเพื่อคาดคั้นหาคำตอบว่าทำไมเจ้าของเรือนกระจก
แห่งนี้ต้องทำอะไรร้าย ๆ กับน้องสาวของตนเอง  และที่สำคัญคือจะต้องหายา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะนำไปรักษาพิษ
ของเช็ม  แต่ท่านผู้เฒ่ากลับยังใจเย็น  ให้โฟร์ทเข้าไปแจ้งขอพบ  ทำเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าทำให้ผู้ร้ายไหวตัวทันล่ะซิ 
ไม่เข้าใจท่านผู้เฒ่าเลยจริง ๆ

          “ใจเย็นเถอะ  ท่านชายน้อย”  ชายชราถอนหายใจ  ใช่ว่าเขาจะไม่ร้อนใจในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่หลังจากฟัง
เรื่องราวต่าง ๆ ในระหว่างที่เขาไม่อยู่แล้ว กลับทำให้เขามีเรื่องต้องขบคิดเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง คนที่เขาออกไป
ตามหา  กลับมาปรากฏตัวอยู่ในตลาด  พลังพิเศษของเทพนารีพลังประจำตัวนางกลับมาอีกครั้งแต่เขาก็สัมผัส
ไม่ได้  ทำให้เขาต้องคว้าน้ำเหลวไม่สามารถได้พบเจอเธอ  ไหนจะเรื่องท่านหญิงซิลแคลล์  ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจ
เหมือนชายหนุ่มที่อยู่ในความดูแลของเขาไม่มีผิด  ท่านหญิงที่เรียบร้อยอ่อนหวานคนนี้  ต้องไม่ใช่ผู้บงการเรื่อง
ร้าย ๆ อย่างที่ราชินีน้อยและท่านชายน้อยปักใจเชื่อ  รวมถึงเรื่อง ‘พิษ’ที่ราชินีน้อยได้รับในครั้งนี้ด้วย  มันโจ่งแจ้ง 
เจาะจงเกินไป  มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ยังคงเป็นเงื่อนงำให้ขบคิดแก้ปัญหาอีกมากนัก

          “เชิญค่ะ” โฟร์ทกลับออกมาเชื้อเชิญทุกคนเข้าในเรือนสมุนไพร  สีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่
แซนด์เล่าให้ท่านผู้เฒ่าฟัง  จะเป็นไปได้หรือที่ท่านหญิงที่เธอชื่นชม จนอาจจะถึงขึ้นเทิดทูนจะเป็นคนทำเรื่อง
ร้าย ๆ เหล่านั้นจริง   หากเป็นเช่นนั้น  พิษที่  ‘เพื่อน’  ได้รับก็ต้องมาจากน้ำมือเธอ มาจากเรือนกระจกแห่งนี้จริง ๆ 
เมื่อสักครู่ขณะที่เธอเข้าไปแจ้งว่าท่านผู้เฒ่า   ราฟา  และแซนด์จะขอเข้าพบ เธอได้เห็นสีหน้าที่แสดงความ
ไม่พอใจฉายออกมาแวบหนึ่ง  เพียงแวบเดียวจริง ๆ ก่อนที่รอยยิ้มแสนหวานจะมาแทนที่   พร้อมด้วยเสียงอนุญาต
อันแสนไพเราะ  นี่เธอมองคนผิดไปจริง ๆ หรือ  เธอคอยรับใช้และเป็นเครื่องมือทำร้าย  ‘เพื่อน’  ของเธอเองหรือ
อย่างไร

          “มีธุระสำคัญหรือคะ ถึงได้มาเยือนกันถึงที่นี่”  เสียงหวาน ๆ ของท่านหญิงซิลแคลล์เอ่ยทัก จากนั้นเธอก็
เอ่ยอะไรเบา ๆ อีกสองสามคำ  ทำให้บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์รูปร่างแปลก ๆ รวมถึงหลอดแก้วที่บรรจุของเหลว
สีต่าง ๆ สี่ห้าใบก็อันตรธานหายไป  เก้าไม้บุนวมอย่างดีก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า  

          “ค๊ะ?.. มีเรื่องอะไรกัน” เธอเลิกคิ้วถามเสียงสูง เมื่อเห็นแขกผู้มาเยือนทั้งหลายยังนิ่งเงียบ

          “ทำอย่างนี้กับซายน์ทำไม!”    แซนด์โพล่งออกไปด้วยความแค้นเคือง

          “ท่านชายน้อย”  ชายชราเรียกเตือนสติ

          “เกิดอะไรขึ้นกับซายน์หรือคะ  ท่านผู้เฒ่า”  ท่านหญิงหันไปถามชายชรา ด้วยคิดว่าคงจะได้เรื่องกว่า

          “ท่านราชินีน้อยโดนพิษ เช็ม”

          “เช็ม!”  เสียงหญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ

          “ใช่..ท่านหญิง  พิษร้ายแรงจากดอกไม้พิษทั้ง 10  ซึ่งในเฮเวนน่า หาคนผสมพิษชนิดได้เพียงไม่กี่คน  และ
ท่านหญิงเองก็เป็นหนึ่งในผู้สามารถนั้น”

          “นี่...นี่ท่านกำลังหาว่า ‘ข้า’...”  พูดได้แค่นี้   สีหน้าที่กำลังซีดเซียวกลับปรากฏสีเรื่อขึ้นด้วยโทสะ  ท่านหญิง
ซิลแคลล์ลุกขึ้นยืนเม้มปากที่กำลังสั่นน้อย ๆ พยายามระงับอารมณ์
          “ช้าก่อนท่านหญิง...”  ชายชราพยายามคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับมาสู่สภาวะปกติ “ข้าไม่ได้หมายความ
อย่างที่ท่านเข้าใจ  หากเพียงแต่....”

          “พอเถอะค่ะท่านผู้เฒ่า..  ข้าขอแสดงความบริสุทธิ์ใจ   เชิญพวกท่านตามข้ามา”  กล่าวจบท่านหญิงเดินนำ
ทุกคนตรงไปยังพื้นที่ว่างเปล่ามุมหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับชั้นที่เต็มไปด้วยขวดแก้วมากมาย มันเป็นชั้นวางสมุนไพรและ
กระดาษที่ซาย์นเคยเจอ  ตัวอักษรตัว  “S”  

          ก่อนที่ใครจะเอ่ยถามอะไร  เจ้าของเรือนกระจกก็อธิบายให้ทุกคนรู้ว่า เธอผสมยาพิษเช็มได้จริง แต่เธอเคย
ผสมมันเพียงแค่ครั้งเดียวและรู้ดีว่า พิษมันร้ายแรงเพียงใด  เธอจึงเก็บมันไว้อย่างดี และไม่เคยคิดจะนำออกมาใช้
แม้แต่น้อย  เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง  เธอก็เลยจะพาทุกคนมาดูให้เห็นกับตาว่า  เช็ม  ของเธอนั้น 
ยังคงอยู่ในที่ที่เธอเก็บมันไว้อย่างปลอดภัย

           ท่านหญิงหันกลับไปยังพื้นที่ว่างเปล่าพึมพำเวทเบา ๆ สามสี่คำ  ก่อนจะค่อย ๆ ปรากฏแท่งแก้วไล่มาช้า ๆ
จากพื้นสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงระดับหน้าอก  ก่อนที่ส่วนปลายจะกลายเป็นกล่องแก้วทึบขนาดกลาง ๆ   เจ้าของเวท
ขยับปากร่ายเวทเพิ่มอีกสองสามคำ  ฝากล่องแก้วค่อย ๆ เปิดแยกออกเป็นแฉก ๆ เหมือนกลีบดอกไม้ที่บานออก 
แต่...บนผ้ากำมะหยี่อย่างดีสีน้ำเงินเข้มที่ตั้งอยู่กึ่งกลางกล่องที่คลี่ออก กลับไม่ปรากฏสิ่งใด

          “เป็นไปไม่ได้!!”   เสียงท่านหญิงซิลแคลล์กล่าวอย่างตกตะลึง   “มันหายไปได้ยังไง  เวทที่ใช้ผนึกเช็ม
ข้าเป็นคนสร้างเอง ไม่น่าจะมีใครเปิดได้  ไม่สิ.. ต้องไม่มีใครรู้ต่างหาก  แล้วมันจะหายไปได้ยังไง  ท่านผู้เฒ่า.. 
ท่านต้องเชื่อข้านะ  ข้าไม่รู้จริง ๆ ”

          “ใจเย็นเถอะท่านหญิง  ข้าเชื่อท่าน”  ชายชราให้คำยืนยัน  เพราะทั้งน้ำเสียง สีหน้าท่าทางของท่านหญิง
ได้แจ้งทุกอย่างให้ท่านเข้าใจแล้ว  มันไม่ใช่การกระทำที่มาจากการเสแสร้ง

          “แต่ข้าไม่เชื่อ”

          “แซนด์...  ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ เจ้าต้องเชื่อข้า  ซายน์ก็เป็นน้องของข้าคนหนึ่ง”

          “ข้าหวังว่าท่านจะคิดอย่างที่ท่านพูดจริง ๆ”  น้ำเสียงประชดประชันจากชายหนุ่มที่ถูกเรียก

          “ท่านชายน้อย  ข้าว่าท่านกลับไปดูแลราชินีน้อยจะดีกว่า  ทางนี้ข้าจะจัดการเอง” ท่านผู้เฒ่าเห็นว่าหากยัง
ปล่อยให้โต้เถียงกันอยู่เช่นนี้คงไม่มีทางจบ  แต่เมื่อเห็นแซนด์เอ่ยปากจะปฏิเสธ  จึงรีบสำทับพร้อมกับให้โฟร์ทเป็น
คนคุม (ลากตัว)  กลับไปที่ห้องซายน์
*****************************

           ‘มืด  มืดเหลือเกิน  ที่นี่มันที่ไหน  แล้วคนอื่น ๆ หายไปไหนกันหมด พี่แซนด์  โฟร์ท  เกรซเน่..อยู่ไหน  อย่า
ปล่อยซายน์ไว้คนเดียว  ช่วยด้วย  ช่วยซายน์ด้วย’  

          ‘เหนื่อย  เหนื่อยเหลือเกินไม่ไหวแล้ว  เดินมาตั้งนานก็ยังไม่เห็นจะเจออะไร  แสงสว่างสักนิดก็ไม่มี  ต้องทำ
ยังไง  ต้องเดินอีกเท่าไหร่  ถึงจะหลุดพ้นไปจากที่นี่  ใครก็ได้  ใครก็ได้  ช่วยข้าที ช่วยข้าออกไปจากที่นี่เสียที’

          ‘เอ๊ะ..  เสียง... เสียงเพลง... ใคร.. ใครกัน   ใครที่บรรเลงเพลงอันแสนไพเราะนี่..   ไหน.. ท่านอยู่ที่ไหน 
ทางนี้ก็ไม่มี หรือจะอยู่ทางโน้น... ไหนล่ะ  ท่านอยู่ที่ไหน ข้าวิ่งหาท่านจนเหนื่อยล้าแล้ว  ปรากฏตัวให้ข้าเห็นเถอะ..’

          ‘พอ.. พอเสียที  หยุด..  หยุดบรรเลงเพลงเหล่านี้ได้แล้ว  จะทรมานข้าไปถึงไหน ข้ายอมแล้ว  จะทำอะไรข้า
ก็ทำเถอะ  จะฆ่าข้าก็จัดการเสียเถอะ..   ข้าไม่อยากอยู่กับความมืดมิดที่โดดเดี่ยวนี่อีกแล้ว  ข้าทนไม่ไหวแม้แต่เสี้ยว
นาที  ข้ายอมแล้ว’

          “เจ้าจะหยุดต่อสู้ง่าย ๆ เพียงแค่นี้หรือ”

          น้ำเสียงก้องกังวานแต่ไพเราะเพราะพริ้งเสมือนเสียงดนตรีดังขึ้น ทำให้หญิงสาวที่กำลังคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
มีพลังใจขึ้นอีกนิด  เธอเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาขึ้นมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ลุกขึ้นยืนช้า ๆ   พยายามจะออกเสียง
แต่ถึงแม้ปากจะขยับแต่กลับไม่มีเสียงใด ๆ ลอดออกมา ทำได้แต่ส่งคำถามดังขึ้นในใจอีกครั้ง

          ‘ท่านเป็นใคร  ท่านอยู่ที่ไหน  ต้องการอะไรจากข้ากันแน่’  สิ้นคำถามที่เกิดขึ้นในใจ  ซายน์ก็ต้องหลับตาปี๋ 
และยกมือขึ้นป้องตา  เมื่อปรากฏแสงสว่างแวบขึ้นมา  ถึงแม้จะเป็นเพียงแสงสีม่วงอ่อน ๆ สว่างไม่มาก  แต่เมื่อ
ปรากฏขึ้นในสถานที่ซึ่งมืดมิด  และสายตาที่ไม่ได้รับแสงใด ๆ มาชั่วระยะเวลาหนึ่ง  ทำให้เธอต้องกระพริบตาถี่ ๆ
เพื่อปรับสายตาให้ชินกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาใหม่

          ‘ท่านแม่’ สำนึกแรกที่เกิดขึ้นในใจเธอ  เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า  แต่เมื่อเพ่งมองเต็มที่ ความสุขที่กำลังเอ่อนั้น
ก็มลายหายไป  หญิงสาวที่นั่งลอยตัวอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่าตรงหน้า  มองเผิน ๆ เหมือนท่านแม่ก็จริง  แต่ก็ไม่ใช่นาง
ไม่ใช่อย่างแน่นอน  ผมสีม่วงสว่างดูราบรื่นเปล่งประกาย  แววตาสดใส และยิ้มมีเสน่ห์ที่กำลังส่งมายังเธอ  ดูมีแวว
ซุกซนขี้เล่นอย่างไม่ปิดบัง  นิ้วของนางกำลังไล้พรมไปบนพิณตัวเล็ก ๆ ในมือ และทั้ง ๆ ที่นางไม่ได้ขยับริมฝีปาก
เอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ออกมา  แต่เธอก็ได้ยินเสียงที่ไพเราะนั้นอีกครั้ง

          “ไปเที่ยวปราสาทแก้วกับข้าหรือไม่”
*****************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น